ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ในโอกาสครบรอบ 47 ปี แห่งการก่อตั้งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และองค์กรเครือข่าย จัดสัมมนา “Moving Forward in Building the ASEAN Community ปาฐกถาพิเศษโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และเสวนาเรื่อง “ ชูธงประเทศไทย ในประชาคมอาเซียน 2015” เพื่อรับฟังความเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายภาคส่วนเกี่ยวกับทิศทางการขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด การบูรณาการประชาคมอาเซียนจะช่วยเสริมโอกาสและจัดการความท้าทายที่ประเทศสมาชิกต่างๆ กำลังเผชิญได้อย่างไรบ้าง ตลอดจนประเทศไทยจะขับเคลื่อนไปพร้อมกับประชาคมอาเซียนอย่างไรจึงจะสอดคล้องกับบริบทของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
ผลจากการสัมมนาฯ ครั้งนี้เป็นแรงผลักสำคัญที่ต่อยอดไปสู่การจัดงานเดินหน้าประเทศไทยสู่ประชาคมอาเซียนแสดงนิทรรศการระดับประเทศ iAEC : Moving Thailand Forward ระหว่างวันที่ 23 -26 ตุลาคม 2557 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี งานนิทรรศการและการประชุมระดับประเทศ เพื่อขับเคลื่อนและเดินหน้าประเทศไทยสู่ประชาคม งานแรกที่รวมพลังจากภาครัฐและเอกชนในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ (AEC) สังคม วัฒนธรรม (ASCC) และการเมืองความมั่นคง (APSC) นำเสนอวิสัยทัศน์ของประเทศไทย และความพร้อมของอาเซียนในด้านต่างๆ ร่วมแสดงงานโดยกลุ่มมิตรประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ โดยจะนำเสนอผ่านไฮไลท์ของการจัดงาน อาทิ ASEAN Connection and Opportunities การเชื่อมโยง และโอกาสความร่วมมือ ด้านเศรษฐกิจในประชาคมอาเซียน ASEAN beyond 2015 นวัตกรรมของไทย และประเทศประชาคมอาเซียนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี และไลฟ์สไตล์ ASEAN SMEs ศักยภาพในการร่วมกันพัฒนา
การแข่งขันสู่ระดับโลกของกลุ่ม SMEs ในประชาคมอาเซียน และ Halal Food & Healthy Products ซึ่งประเทศในประชาคมอาเซียนถือเป็นแหล่งผลิตใหญ่สำหรับตลาดอาหารฮาลาลของโลก และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพรวมถึงการจัด Fashion & Life Style zone เพื่อแสดงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอในอาเซียน
รศ.ดร. สุทธิพันธ์ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการบริหาร ศูนย์อาเซียนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวถึงบทบาทของศูนย์อาเซียนศึกษาในการส่งเสริมสนับสนุนการเตรียมความพร้อมของประเทศไทย ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนว่า ศูนย์อาเซียนศึกษาเน้นการทำงานร่วมกันของสามเสาหลัก ทั้งการเมืองความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม อย่างเกื้อกูลและสมดุล นอกจากการสร้างประชาคมแล้ว ศูนย์อาเซียนศึกษายังเน้นการผลิตงานวิชาการและงานวิจัยเกี่ยวกับความเชื่อมโยงอาเซียนหรือ ASEAN Connectivity อีกด้วย
โดยจัดงานชูธงประเทศไทย เพื่อเตรียมพร้อมในการขับเคลื่อนไปพร้อมกับประชาคมอาเซียนในปี 2558 ซึ่งขณะนี้มีเวลาอีก 14 เดือนที่ประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศจะเข้าสู่ข้อตกลงในการจัดตั้งประชาคมอาเซียน (ASEAN Economic Community หรือ AEC) ภายในปี 2558 โดยการบูรณาการในระดับประชาคมจะสามารถเสริมโอกาส และจัดการความท้าทายที่ประเทศสมาชิกต่างๆ เผชิญอยู่ได้ ทั้งนี้ประเทศสมาชิกจะต้องมีการปฏิสัมพันธ์ร่วมมือกันในด้านต่างๆ มากยิ่งขึ้น ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง สังคมและวัฒนธรรมโดยเฉพาะความร่วมมือด้านนโยบายที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับประชาคม เช่น การปรับประสานนโยบายการแข่งขันให้โปร่งใสสอดคล้องกันเพื่อส่งเสริมให้มีการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม การส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม และคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาโดยเฉพาะภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า บริการ การพัฒนา และเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออำนวยความสะดวกการค้า การลงทุน ทั้งลดต้นทุนในการ และทำธุรกรรมทางการค้าในอาเซียน
รศ.ดร.สุทธิพันธ์ ยังกล่าวต่อว่า ประเทศไทยในฐานะผู้ใช้สิทธิประโยชน์จากประชาคมอาเซียนจำเป็นต้องเรียนรู้ถึงโอกาสและความท้าทายที่กำลังจะเกิดขึ้น ทั้งในด้านการเปิดเสรี และการอำนวยความสะดวกทางการค้า และการลงทุนในอาเซียน ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของภาคเอกชนไทยในตลาดโลกหากรู้จักใช้ประโยชน์จากการเป็นประชาคมอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นตลาดภูมิภาค ฐานการผลิต ฐานการลงทุนและพันธมิตรทางการค้า
“การเป็นประชาคมอาเซียนเป็นมากกว่าการเปิดเสรีทางการค้านอกจากจะส่งผลให้อาเซียน 10 ประเทศ เป็นเหมือนประเทศเดียวกัน ยังจะประกอบไปด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจหลากหลายสาขา เช่น เกษตร การส่งเสริม SMEs การคุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้น ดังนั้นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจึงเกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วนโดยเฉพาะ ภาคเอกชนหรือผู้ประกอบการ” รศ. ดร. สุทธิพันธ์ กล่าวในที่สุด