คอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 พ.ศ.2557 สูงกว่าไตรมาสเดียวกันในปีพ.ศ.2555 หลายโครงการเลื่อนการเปิดขายมาจากไตรมาสที่ 4 พ.ศ.2556 และไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2557 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองในประเทศไทย ซึ่งมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 พ.ศ.2556 และไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2557 แต่ว่าตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม เริ่มมีสัญญาณบวกมากขึ้น สุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า “โครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการเปิดขายในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2557 จำนวน 7,000 ยูนิต ในขณะที่มีคอนโดมิเนียมเปิดขายในเดือนเมษายน และพฤษภาคม เพียงแค่ประมาณ 5,000 ยูนิตเท่านั้น ในไตรมาสที่ 2 พ.ศ.2557 มีคอนโดมิเนียมเปิดขายประมาณ 12,710 ยูนิต เพิ่มขึ้นประมาณ 26% จากไตรมาสที่ 1 ผู้ประกอบการหลายรายมีแผนที่จะเปิดขายโครงการใหม่ในช่วงครึ่งหลังพ.ศ.2557 ดังนั้นจำนวนคอนโดมิเนียมที่คาดว่าจะเปิดขายในปีพ.ศ.2557 คาดว่าจะมีจำนวนมากกว่า 50,000 ยูนิต แต่ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของตลาด”
“คอนโดมิเนียมประมาณ 16,750 ยูนิต ที่สร้างเสร็จ และจดทะเบียนอาคารชุดที่กรมที่ดินในช่วงครึ่งแรกปีพ.ศ.2557 ดังนั้นอุปทานคอนโดมิเนียมในปัจจุบันของกรุงเทพมหานครอยู่ที่ประมาณ 414,500 ยูนิต และยังมีคอนโดมิเนียมอีกมากกว่า 65,560 ยูนิตที่มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงครึ่งหลังปีพ.ศ.2557 ซึ่งจำนวนของคอนโดที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปีพ.ศ.2557 จะมีจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา และประมาณ 60% หรือประมาณ 246,360 ยูนิตอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นนอก” สุรเชษฐ กล่าว
สุรเชษฐ ยังได้กล่าวถึงอัตราการขายที่สูงขึ้นในไตรมาสที่ 2 ปีพ.ศ.2557 “อัตราการขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 พ.ศ.2557 อยู่ที่ประมาณ 64% เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2557 ความเชื่อมั่นของคนไทยเริ่มกลับมาในเดือนมิถุนายน หลังจากที่นโยบายและวิธีการของ คสช. สามารถแก้ไขปัญหาหลายเรื่องที่มีผลต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวมากขึ้นโดยสามารถดูได้จากอัตราการขายที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 2 พ.ศ.2557 และสูงที่สุดในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา”
“อัตรการขายในพื้นที่เมืองชั้นในมากที่สุด ตามมาด้วยพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นนอก และพื้นที่นอกเมืองด้านทิศตะวันตก โครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการในพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นนอกตั้งอยู่ใกล้กับโครงการระบบขนส่งมวลชนในอนาคตทั้งโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และโครงการที่ยังเป็นแผนงานในอนาคต ซึ่งคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในไตรมาสที่ 2 จะมีราคาขายต่ำกว่าพื้นที่อื่นๆ” สุรเชษฐ กล่าวเพิ่มเติม
สุรเชษฐ กล่าวถึงราคาขายเฉลี่ยในตลาดคอนโดมิเนียมว่า “ราคาขายเฉลี่ยของทุกทำเลในไตรมาสที่ 2 พ.ศ.2557 (75,000 บาทต่อตารางเมตร) มากกว่าไตรมาสก่อนหน้านี้ประมาณ 18% ราคาขายเฉลี่ยในพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นนอก (59,625 บาทต่อตารางเมตร) เพิ่มจากไตรมาสที่ 1 ประมาณ 22%”
“ประมาณ 38% ของคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในปีพ.ศ.2556 และครึ่งแรกปีพ.ศ.2557 มีราคาขายอยู่ในช่วง 40,001 – 60,000 บาทต่อตารางเมตร เพราะโครงการส่วนใหญ่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง – ล่าง” เขากล่าวเพิ่มเติม
ระยะทางจากระบบขนส่งมวลชนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อราคาขาย สุรเชษฐ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ราคาขายเฉลี่ยของโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 พ.ศ.2557 ที่ตั้งอยู่ในระยะมากกว่า 500 เมตรจากสถานีรถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดินมีราคาขายประมาณ 120,000 บาทต่อตารางเมตร มากกว่าไตรมาสก่อนหน้านี้ประมาณ 15% และมากกว่าทำเลอื่นๆ ประมาณ 40 – 85% คอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 พ.ศ.2557 ในพื้นที่ที่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดินน้อยกว่า 200 เมตร มีราคาขายประมาณ 136,000 บาทต่อตารางเมตร ราคาขายเฉลี่ยของโครงการคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดินมากกว่า 1,000 เมตร ขึ้นไป มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 64,000 บาทต่อตารางเมตร สูงที่สุดในช่วงหลายไตรมาสและเพิ่มขึ้นประมาณ 16% จากไตรมาสก่อนหน้านี้”
ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 พ.ศ.2557 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกประมาณ 17% เนื่องจากมีคอนโดมิเนียมหลายโครงการเปิดขายในพื้นที่เมืองชั้นใน และอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดิน ดังนั้นราคาขายเฉลี่ยในช่วงครึ่งหลังปีพ.ศ.2557 จะสูงกว่าช่วงหกเดือนแรกของปีประมาณ 10% หลังจากที่ผู้ประกอบการพยายามคงราคาขายไว้ หรือปรับเพิ่มขึ้นไม่มากในช่วงไตรมาสที่ 1
“ตลาดคอนโดมิเนียมในปีพ.ศ.2557 คาดว่าจะมีการขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ในช่วงไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2557 หลังจากที่ความเชื่อมั่นของทั้งผู้ซื้อและผู้ประกอบการกลับมาในเดือนมิถุนายน จำนวนของคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในปีพ.ศ.2557 น่าจะมีจำนวนมากกว่า 50,000 ยูนิต และอัตราการขายเฉลี่ยจะมากกว่าช่วงครึ่งแรกปีพ.ศ.2557” สุรเชษฐ กล่าวสรุป