นายสัญชัย เนื่องสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวเดอสมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ BSM "ผู้นำนวัตกรรมก่อสร้าง สำหรับอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัย" เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2557 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2557 บริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 115.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.31 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และมีกำไรอยู่ที่ 8.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.87 ล้านบาท หรือคิดเป็น 85% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ การที่บริษัทฯ มีกำไรเพิ่มขึ้นนั้น เนื่องมาจากการเติบโตของสัดส่วนรายได้ที่มาจากต่างประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่อยู่ประมาณ 20% เพิ่มเป็น 26% ในขณะที่สัดส่วนรายได้จากในประเทศลดลงเหลือ 74% สำหรับปัจจัยที่ส่งผลกระทบให้ยอดขายภายในประเทศลดลง เนื่องมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ สัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจาก ผลิตภัณฑ์ ระบบฝ้าเพดานและผนังกั้นห้อง (Wall & Ceiling Products) คิดเป็นประมาณ 35% ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมสำหรับตกแต่งภายใน (ALLOY "Aluminium for Interiors”) ประมาณ 29% ธุรกิจติดตั้งประมาณ 4% ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ระบบประตูหน้าต่างเฟลทเชอร์ (Fletcher) มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็น 32% จากเดิมที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 10% เนื่องจากรายได้ที่มาจากต่างประเทศมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ประจำปี 2557 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2557 บริษัทฯ มีรายได้ 240.13 ล้านบาท ลดลง 4.62 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่บริษัทฯ มีกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 12.63 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.62 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยสัดส่วนรายได้สัดส่วนรายได้หลักมาจาก ผลิตภัณฑ์ ระบบฝ้าเพดานและผนังกั้นห้อง (Wall & Ceiling Products) คิดเป็น 37% ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมสำหรับตกแต่งภายใน (ALLOY "Aluminium for Interiors”) ประมาณ 31% ซึ่งลดลงจากเดิม แต่ธุรกิจที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด คือ ผลิตภัณฑ์ระบบประตูหน้าต่างเฟลทเชอร์ (Fletcher) มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็น 27% จากเดิมที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 10% และที่เหลือมาจากธุรกิจติดตั้งประมาณ 5% สำหรับสัดส่วนรายได้ที่มาจากต่างประเทศและในประเทศ ยังคงสัดส่วนใกล้เคียงเดิมอยู่ที่ 21% และ 79% ตามลำดับ
“ยอดขายในไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากกตลาดในประเทศพม่าและออสเตรเลียมีการขยายตัว โดยผลิตภัณฑ์ที่เป็นรายได้หลักที่มาจากต่างประเทศคือ ผลิตภัณฑ์ประตูหน้าต่างเฟลทเชอร์ ซึ่งส่งผลให้สัดส่วนของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวโตแบบก้าวกระโดด ส่วนปัจจัยที่ส่งผลกระทบให้สัดส่วนในประเทศลดลงจากเดิม น่าจะมาจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเป็นหลัก แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้กระทบต่อการเติบโตของบริษัทฯ ทั้งในส่วนของยอดขายและรายได้ ส่วนที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ คาดว่ายังคงมีความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง” นายสัญชัย กล่าว
นายสัญชัย กล่าวต่อว่า ในไตรมาส 3 นี้ บริษัทฯ เตรียมจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ท้องตลาด ได้แก่ ระบบผนังกั้นห้องสำเร็จรูป (GIB Wall) ซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่นที่ติดตั้งง่าย รวดเร็ว ใช้เวลาในการติดตั้งไม่นานประมาณ 1-2 วัน ต่อ 25 ตารางเมตร รวมถึงไม่มีสีและกลิ่นรบกวน โดยจะมุ่งเน้นไปยังกลุ่มตลาดโรงพยาบาล เนื่องจากสามารถตอบโจทย์และแก้ปัญหาจุดบกพร่องเรื่องกลิ่น สี และระยะเวลาในการติดตั้ง
อย่างไรก็ดี สำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าบริษัทฯ ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยประเมินการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ในขณะที่รายได้ทั้งปีเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 600 ล้านบาท และยังคงยืนยันเป้ากำไรในปีนี้โตที่ 30% เท่าเดิม