ผศ.ดร.จริยา วิทยะศุภร ผู้อำนวยการโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี ในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำในระดับประเทศที่มีบทบาทสำคัญในการผลิตพยาบาลเพื่อตอบสนองความต้องการของสังคม โดยมีการปรับตัวอย่างเนื่องให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค
ล่าสุด โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี เตรียมปรับทัพการจัดการเรียนการสอนใหม่ 360 องศา ทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก โดยมุ่งพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นทักษะชุดใหม่ที่จะช่วยให้พยาบาลสามารถตัดสินใจ แก้ปัญหาที่เผชิญหน้า สามารถคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาและจัดการเรื่องที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น เพื่อเตรียมผลิตพยาบาลให้เตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามด้านสุขภาพ ซึ่งต้องเตรียมรับมือในอนาคต ที่องค์กรอนามัยโลก (WHO) ได้ระบุถึง Global Health ซึ่งเป็นภัยคุกคามด้านสุขภาพใหม่ ได้แก่ 1.โรคอุบัติใหม่ โรคอุบัติซ้ำ 2.โรคระบาดจากการติดเชื้อ 3.โรคที่เกิดจากพฤติกรรมหรือโรคไม่ติดต่อ (NCDs) 4.โรคที่เกิดแล้วยังหาทางแก้ไขไม่ได้
“จากสถานการณ์โรคติดต่อที่รุนแรง โรคอุบัติใหม่ โรคอุบัติซ้ำ รวมไปถึงโรคที่เกิดจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของคน ล้วนส่งผลให้ผู้ให้บริการด้านสุขภาพจำเป็นต้องทบทวนวิธีการจัดการเรียนการสอนใหม่ อย่างกรณีการแพร่ระบาดของโรคอีโบลา ที่สร้างความตื่นตัวไปทั่วโลก ก็เป็นภาพสะท้อนอันหนึ่งถึงสัญญาณที่ทำให้แวดวงการพยาบาลจำเป็นต้องเร่งปรับตัว” ผศ.ดร.จริยา กล่าว
ปัจจุบันในแวดวงสุขภาพและการสาธารณสุขทั่วโลก กำลังให้ความสำคัญในเรื่องการปรับตัวรับมือกับศตวรรษที่ 21 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การคมนาคม การเคลื่อนย้ายคนโดยเสรี กำลังนำมาซึ่งความคาดการณ์ได้ยากยิ่งขึ้นในการเกิดโรคใหม่ๆ และโรคติดต่อ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น
การทำงานของแพทย์และพยาบาล ตลอดจนบุคลากรในแวดวงสาธารณสุขจึงต้องใช้วิธีการใหม่ๆและมีทักษะใหม่เพื่อรับมือกับความเร่งด่วนและความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นไม่ว่าจะในประเทศไทยหรือในสังคมโลก จึงจำเป็นต้องการบุคลากรในแวดวงสาธารณสุข ที่มีทักษะในศตวรรษที่ 21
ผศ.ดร.จริยา กล่าวว่า โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี จึงวางแผนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ในการวางแผนพัฒนาพยาบาลในทุกระดับ ทั้งในระดับพยาบาลทั่วไปและพยาบาลเชี่ยวชาญทางคลินิกและพยาบาลเชี่ยวชาญทางเวชปฏิบัติ โดยมุ่งปรับหลักสูตรทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 ให้กับผู้เรียน ตลอดจนการพัฒนาพยาบาลวิชาชีพขั้นสูงที่สามารถพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ได้ด้วยตนเอง โดยในระดับปริญญาตรี ได้วางแผนหลักสูตรใหม่ในการสร้างพยาบาลผู้นำการเปลี่ยนแปลง(Change Agent) เน้นการจัดการเรียนการสอนจากชีวิตจริง จากประสบการณ์ การเตรียมความพร้อมก่อนปฏิบัติในสถานการณ์จริงด้วยสถานการณ์จำลองเสหมือนจริง การเรียนรู้แบบสหสาขา และสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดความรักอยากเรียน ซึ่งจะดำเนินงานในปี 2559 - 2560 พร้อมกับการเปิดแคมปัสใหม่ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ บางพลี
สำหรับหลักสูตรระดับปริญญาโท และปริญญาเอก จะมุ่งเน้นการผลิตพยาบาลที่เน้นการวิจัย ผ่านหลักสูตรในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ขณะเดียวกันยังขยายไปสู่การสร้างพยาบาลที่เน้นการปฏิบัติหรือพยาบาลผู้เชี่ยวชาญทางคลินิกและพยาบาลผู้เชี่ยวชาญทางเวชปฏิบัติในหลักสูตรฝึกอบรมวุฒิบัตรผู้ปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เน้นการปฏิบัติ Residency Training ในปี 2557 นี้ได้เปิดซึ่งเป็นหลักสูตรแรกในประเทศไทยและในโลกซึ่งเป็นหลักสูตรที่สามารถเสนอขอเทียบวุฒิระดับปริญญาเอก จากเดิมกว่าที่พยาบาลจะสามารถได้วุฒิบัตรการพยาบาลขั้นต้องใช้เวลารวบรวมและฝึกปฏิบัติด้วยตนเองหลังจากจบปริญญาโท ประมาณ 4 -10 ปี และมายื่นสอบกับสภาวิชาชีพการพยาบาลแต่ในหลักสูตรใหม่นี้จะใช้เวลาประมาณ 3 ปีโดยสร้างให้เกิดความเชี่ยวชาญและการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ มากกว่านั้นยังสามารถที่จะนำไปเสนอขอเทียบเท่าวุฒิปริญญาเอกด้วยซึ่งไม่เคยมีมาก่อน
ในปี 2557 ได้เปิดหลักสูตร Residency Training นำร่องกับสาขาอายุรศาสตร์และศัลยศาสตร์ซึ่งครอบคลุมการดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยในระยะวิกฤต และผู้ป่วยอุบัติเหตุและบาดเจ็บ และในปี 2558 จะขยายไปสู่สาขาเด็กและสาขาเวชปฏิบัติชุมชนและเชื่อว่าการเปิดหลักสูตรนี้จะช่วยเพิ่มจำนวนการผลิตพยาบาลเชี่ยวชาญทางคลินิกและพยาบาลผู้เชี่ยวชาญเวชปฏิบัติให้มีจำนวนมากขึ้น ซึ่งในการประเมินของสภาการพยาบาลที่ผ่านมาระบุว่าประเทศไทยควรจะมีพยาบาลเชี่ยวชาญในสัดส่วนประมาณ 10% จากพยาบาลที่มีกว่า 1 แสนคนทั่วประเทศเพื่อให้ประเทศมีความพร้อมในระบบสุขภาพและสามารถทำงานเป็นทีมร่วมกับแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ปัจจุบันยังมีเพียงไม่ถึง 2%ซึ่งยังไม่เพียงพอ
“ในอนาคตเราอยากเห็นประเทศไทยสามารถยกระดับเรื่องการพัฒนาพยาบาลเชี่ยวชาญได้ และเราในฐานะโรงเรียนพยาบาลที่มีความพร้อมในด้านแหล่งการเรียนรู้ในการทำงานอย่างใกล้ชิดกับแหล่งฝึกปฏิบัติอย่างคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ทำให้เราสามารถทำเรื่องนี้ได้เราจึงใช้จุดแข็งของเราในการสนับสนุนการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยคุกคามด้านสุขภาพในอนาคต“ผศ.ดร.จริยากล่าวในที่สุด