นายนพพร บุญลาโภ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) แถลงผลประกอบการในครึ่งปีแรก ตั้งแต่เดือนมกราคม –เดือนมิถุนายน 2557 ว่า “บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 197ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 76 ล้านบาท (หรือเติบโตขึ้นร้อยละ 194) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าผลการดำเนินงานที่โดดเด่นและเมื่อเทียบกับปี 2556 ที่มีกำไรทั้งปี 95 ล้านบาท ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนได้จากกำไรสุทธิที่ปรากฏ ด้วยปัจจัยที่ว่ามีการลดค่าใช้จ่าย โดยในครึ่งปีแรกนั้น เรามีค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยรวม 1,654 ล้านบาทลดลงจากช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่มีค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยรวม 1,924 ล้านบาท หรือลดลง 270 ล้านบาท เพราะว่าค่าสินไหมจ่ายและเงินสำรองประกันภัยลดลง จึงส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากการรับประกันภัย 219ล้านบาท และกำไรจากการรับประกันภัยเพิ่มขึ้น 134ล้านบาท ซึ่งเราวิเคราะห์จากสถานการณ์ต่างๆ ทั้งด้านการเมืองและปัจจัยอื่นๆ ประกอบกันแล้วเราคาดว่าสิ้นปีนี้ เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท กำไรสุทธิที่คาดไว้ 500 ล้านบาท”
ส่วนของเป้าในปีหน้านั้น ตั้งเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 5,600 ล้านบาท, กำไรสุทธิที่คาดไว้ 560 ล้านบาท และจะนำบริษัทฯ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2558 ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทสามารถดำเนินกิจการได้ตามข้อกำหนดคือ ทำกำไร 2 ปีติดต่อกันเกินกว่า 50 ล้านบาท ส่วนความพร้อมในการขยายตลาดเข้าสู่ AEC นั้น ปัจจุบัน “ทิพยลาว” ได้เปิดดำเนินธุรกิจในลาวแล้ว (ไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 นี้) ส่วน “ทิพยเขมร” และ “ทิพยพม่า” กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนอยู่ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ ในปี 2558
นายกิตติ ชุณหชวาลวง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานประกันสามัญและการตลาด กล่าวเสริมว่า “ ด้านของตัวแทนนั้น แบ่งออกเป็นเบี้ยรับอยู่ที่ 624 ล้านบาท จากที่เราตั้งเป้าไว้ที่ 650 ล้านบาท ทั้งนี้ซึ่งก็เป็นไปตามเป้าที่เราวางไว้ โดยในครึ่งปีหลังต่อปีหน้า เราได้ปรับแผนการตลาดที่วางไว้เรื่องของการบริการลูกค้า (Customer Service) ความแตกต่างด้านผลิตภัณฑ์ (Differentiate) และการผนึกกำลัง (Synergy) ทั้งภายในองค์กรเราเอง และกับพันธมิตร ตลอดจนการพัฒนาระบบไอทีเข้ามาเสริมและพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อการให้บริการแก่ลูกค้าได้รวดเร็วและสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ตลอดจนมีการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ประกันให้สอดคล้องกับสภาวะความเป็นอยู่ในอนาคต ซึ่งจะมีจำนวนกลุ่มคนสูงวัยที่เกษียณมากขึ้นทุกปีๆ โดยเราจะออกประกันบำนาญสำหรับข้าราชการทั่วไปที่มีอายุไม่เกิน 65 ปี พร้อมกับพัฒนาคุณภาพตัวแทนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากลูกค้า มีความทันสมัยและรู้จักใช้เทคโนโลยีต่างๆมากขึ้น เราต้องตามลูกค้าให้ทัน แม้จะเป็นบริการด้านประกันชีวิตก็ตามทีซึ่งเราจะมุ่งเน้นการบริการที่เป็นเสมือนเพื่อนมากกว่าการเป็นตัวแทนกับลูกค้าประกัน ซึ่งไว้วางใจ ปรึกษาหรือพูดคุยได้ และมีความเชื่อมั่นต่อกัน ซึ่งเรามองว่า Royalty หรือความภักดีของลูกค้ามีส่วนสำคัญมากสำหรับเรา”
นายนพพร กล่าวสรุปว่า “ผลกำไรในครึ่งปีแรกนี้ ส่งผลให้เราสามารถคาดการณ์ตลาดในครึ่งปีหลังและปีหน้าได้อย่างแน่นอน หลังจากที่ผ่านความผันผวนทางการเมืองมาแล้ว เรามั่นใจว่าเราพร้อมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปีหน้า 2558 ได้อย่างแน่นอน รวมถึงการปรับโฉมใหม่ของบริษัทฯ ตลอดจนการย้ายสำนักงานใหม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ถ้าเสร็จเรียบร้อย ก็จะขอเชิญสื่อมวลชนร่วมกันทำข่าวกับทิพยประกันชีวิตอีกครั้ง”