สหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา นำโดย นายอารีย์ สืบวงศ์ ประธานสหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา จัดประชุมสมาชิกสหภาพฯ เข้าร่วมรับฟังกว่า 1,000 คน ที่มาชูป้ายแสดงถึงการกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรมต่อ ผู้อำนวยการองค์การค้าของคุรุสภา รวมทั้งป้ายให้กำลังใจ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบร้อย ที่ โรงพิมพ์คุรุสภา ถนนลาดพร้าว
นายอารีย์ สืบวงศ์ ประธานสหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา กล่าวว่า ขณะนี้สังคมกำลังให้ความสนใจต่อประเด็นที่มีกระแสข่าวเกิดการทุจริต ในองค์กร ได้แก่ การเช่าเครื่องพิมพ์หนังสือเรียนจากบริษัทเอกชนที่มีการกล่าวหาว่าราคาสูงเกินกว่าราคากลาง โดยจากการตรวจสอบของ สหภาพฯ พบว่า สาเหตุของการเช่าเครื่องพิมพ์ เนื่องจาก องค์การค้ามีความจำเป็นต้องลดต้นทุนเพื่อการอยู่รอด และเครื่องพิมพ์ที่มีอยู่เก่ามาก ทำให้กำลังการผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด และเมื่อคำนวณค่าใช้จ่าย จำทำให้ต้นทุนลดลงกว่า 150 ล้านบาท จึงเห็นควรให้เช่าเครื่องพิมพ์
“ในส่วนของการให้บริษัทเอกชนเหมาซื้อหนังสือล็อตใหญ่เพื่อไปจำหน่ายต่อ นั้น เกิดจาก องค์การค้าประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก เนื่องจากร้านขายส่งหนังสือรายใหญ่ที่ทำสัญญาซื้อขายรายเดิมไม่จ่ายเงินค่าหนังสือ เมื่อเดือน กรกฎาคม 2556 ทางองค์การค้าจึงจำเป็นต้องแก้ปัญหา จึงเปิดให้มีการขายล็อตใหญ่เพื่อดึงเงินสดเข้ามาดำเนินการ โดยองค์การค้าสามารถหาเงินสดได้ 1,400 บาทและสามารถพิสูจน์ได้ว่าองค์การค้าไมเสียประโยชน์ และสุดท้ายเรื่องการส่งหนังสือให้กับโรงเรียนล่าช้านั้น เป็นปัญหาจากการที่หน่วยงานมักสั่งซื้อหนังสือแบบกระชั้นชิดวันเปิดเรียน ไม่ดำเนินการตามกรอบของเวลาที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ทำให้การตีพิมพ์และจัดส่งล่าช้า โดยปัญหานี้สามารถแก้ไขได้หากทุกฝ่านดำเนินการตามกรอบที่กำหนด” นายอารีย์กล่าว และเพิ่มเติมว่า
“ในอดีตที่ผ่านมา องค์การค้าต้องประสบปัญหาขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2554-2555 ที่ผ่านมา มีการปรับรูปแบบการบริหารใหม่ เริ่มทำให้องค์การค้ามีกำไร ขณะเดียวกันกลุ่มที่เคยได้รับผลประโยชน์จากตลาดหนังสือเรียนได้รับผลกระทบ อาจจะเชื่อมโยงกับการปล่อยข่าวด้านลบกับองค์กรในขณะนี้ ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้บริหารชุดปัจจุบัน ตนในฐานะตัวแทนสหภาพฯ จึงอยากให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม และเห็นถึงประโยชน์ในอนาคตของการพัฒนาองค์การค้าของคุรุสภา โดยทางสหภาพฯ ได้มีการสรุปข้อเรียกร้อง ไปถึง คสช. และ กระทรวงศึกษาธิการต้องตรวจสอบอำนาจหน้าที่ของ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นเลขาธิการเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นของชาติ รวมถึงตรวจสอบการใช้จ่ายเงินขององค์กรที่นายมงคลกิตติ์สังกัด พร้อมทั้งขอให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้ปฏิรูปองค์กรอาสาหรือการสร้างเวทีการมีส่วนร่วมต่างๆ ให้เป็นไปอย่าโปร่งใส และขอให่ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และบอร์ด ต้องปกป้องคนดีโดย ผอ.สมมาตย์ มีศิลป์ ต้องดำรงตำแหน่งไปและสุดท้าย ขอให้ตลาดหนังสือต้องเสรีอย่างเป็นธรรมโดยแท้จริง ” นายอารีย์ กล่าวทิ้งท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนการดำเนินกิจกรรมต่างๆ นายยศรินทร์ ตลับนาค แกนนำเครือข่ายคนดีปกป้องโรงเรียน ได้ขึ้นมากล่าวให้กำลังใจพร้อมทั้งมอบดอกไม้ภายในงานดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย และมีการกล่าวถึงการทำหน้าที่ของ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เป็นระยะ และมีเจ้าหน้าที่ทหารร่วมสังเกตการณ์
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้องค์การค้าเคยทำสัญญาขายหนังสือให้กับเอเยนต์รายใหญ่ 2 ราย มูลค่าราว 3,000 ล้านบาท แต่ต้องยกเลิกไป และหันมาทำตลาดเองโดยเจาะเข้าถึงร้านค้ารายย่อยและโรงเรียนเอง ซึ่งแต่ละปีตลาดหนังสือเรียนมีมูลค่าถึง 6 พันล้านบาท ซึ่งในส่วนขององค์การค้ามีส่วนแบ่งในปีที่แล้วราว 2 พันล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังจากมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธกรตลาด