นายสันติ หอกิตติกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท จี แคปปิตอล หรือ GCAP ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร ภายใต้แนวคิด “สินเชื่อฉับไว เกษตรไทยก้าวหน้า” เปิดเผยถึงแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2557 จะเติบโตกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ของทุกปีเป็นช่วงฤดูข้าวนาปี และเป็นช่วงไฮชีชั่นของบริษัทฯ ประกอบกับลูกค้าของบริษัทฯจะมีรายได้จำนวนมากในฤดูกาลข้าวนาปี คาดว่ายอดหนี้ค้างชำระจะลดลงเช่นทุกปีที่ผ่านมา นอกจากนี้บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกตกลงการทำธุรกิจกับ บริษัท ในนามีข้าว จำกัด เพื่อรุกตลาดรถเกี่ยวนวดข้าวมือสองซึ่งบริษัทฯ จะเป็นรายแรกในการปล่อยสินเชื่อรถเกี่ยวนวดข้าวมือสอง โดยจากการสำรวจพบว่า ลูกค้ามีความต้องการใช้ รถเกี่ยวนวดข้าวมือสองเป็นจำนวนมาก
GCAP ได้ขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ บริษัทฯได้ออก ผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ๆ สองประเภท คือ เมื่อปลายไตรมาส 1/2557 ได้ออกสินเชื่อเสริมสภาพคล่องซึ่งเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลสำหรับลูกค้าที่มีประวัติการชำระดีของบริษัท เพื่อช่วยเหลือลูกค้าให้มีเงินทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจรถเกี่ยวนวดข้าว และไตรมาส 3/2557 จะออกสินเชื่อเช่าซื้อรถเกี่ยวนวดข้าวมือสอง เพื่อช่วยเหลือลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีกำลังพอในการซื้อรถเกี่ยวนวดข้าวคันใหม่ ให้มีเครื่องมือทางการเกษตรใช้ในการประกอบอาชีพ เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการทำธุรกิจของบริษัทฯ บริษัทฯได้ลงนามแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) ในการเป็นตัวแทนการจัดจำหน่าย หุ้นกู้ชนิด ระบุชื่อผู้ถือหุ้น ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน อายุ 1 ปี 6 เดือน จำนวน 300 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 5.20 คาดว่าจะออกจำหน่ายต้นเดือน ตุลาคม 2557 นี้
NPL สิ้นเดือน มิถุนายน 2557 มียอดเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงที่ลูกค้ายังไม่มีงานเกี่ยวข้าวและเป็นช่วงรอยต่อฤดูฝน ซึ่งเป็นปกติของธุรกิจ อย่างไรก็ตามบริษัทฯมีสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญรองรับอย่างเพียงพอแล้ว คาดว่าสิ้นปีบริษัทฯ จะรักษา สัดส่วนหนี้ NPL ที่ระดับ 6-7% ไว้ได้เช่นเดียวกับทุกปีที่ผ่านมา
สำหรับ งวด 6 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้รวม 90.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 77.46 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.97 ขณะที่กำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกของปี 2557 อยู่ที่ 32.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 22.60 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มร้อยละ 42.25