โดย แพทย์หญิง ชลธิชา จารุมาลัย
จักษุแพทย์ โรงพยาบาลปิยะเวท
ตาแดง เคืองตา มีขี้ตามากผิดปกติ หรือมีน้ำตาไหลอาจมีจุดเลือดที่เยื่อบุตาขาว ใครที่มีอาการซึ่งเหล่านี้อย่าได้นิ่งนอนใจ เพราะนั่นเป็นสัญญาณอันตรายของ “โรคตาแดง” ซึ่งเป็นโรคติดต่อที่มักมาพร้อมหน้าฝน และเป็นโรคที่แพร่ระบาดสู่คนรอบข้างได้ง่าย โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ ซึ่งมีการติดต่อได้ง่ายเพียงแค่การสัมผัส
พญ.ชลธิชา จารุมาลัย จักษุแพทย์ รพ.ปิยะเวท กล่าวว่า โรคตาแดงเป็นอีกโรคยอดฮิตที่เป็นกันมากในหน้าฝน ถึงแม้เป็นโรคที่ไม่ร้ายแรงนักแต่ก็ทำให้ต้องหยุดงานหรือหยุดเรียนเป็นสัปดาห์ โรคตาแดงเกิดจากการอักเสบของเยื่อบุตาขาว มีทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง สาเหตุอาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือภูมิแพ้ แต่โรคตาแดงในช่วงนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัส มักจะติดต่อทางการสัมผัสน้ำตา ขี้ตา หรือการใช้ของร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดหน้า หรือผ้าเช็ดตัว ส่วนใหญ่มักจะหายภายใน 2 สัปดาห์ โรคตาแดงสามารถพบได้ในทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็กเล็ก วัยเรียน วัยทำงาน ผู้ใหญ่ ตลอดจนผู้สูงอายุ และมักเกิดในโรงเรียน โรงพยาบาล ที่ทำงาน สถานเลี้ยงเด็ก ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีผู้คนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก มีระยะเวลาของโรคประมาณ 5-14 วัน ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนอื่น ผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัส จะมีอาการตาแดง เคืองตา น้ำตาไหลอาจมีจุดเลือดที่เยื่อบุตาขาว มักจะมีขี้ตาร่วมด้วย โดยอาจเป็นเมือกใสหรือสีเหลืองอ่อน เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ผู้ป่วยบางรายอาจมีการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจนำมาก่อน มีอาการต่อมน้ำเหลืองหลังหูเจ็บและบวม มักเป็นที่ตาข้างใดข้างหนึ่งก่อน แล้วจะติดต่อมายังตาอีกข้างได้ภายใน 1-2 วัน นอกจากนี้ผู้ป่วยบางรายอาจมีกระจกตาดำอักเสบร่วมด้วย ทำให้เคืองตามาก ส่วนผู้ที่มีอาการตาแดงจากเชื้อแบคทีเรีย จะมีอาการตาแดง เคืองตา เจ็บตา มีขี้ตามากสีเหลืองหลังตื่นนอนตอนเช้า มักมีขี้ตามากจนทำให้เปลือกตาติดกัน แต่อาการจะไม่เฉียบพลันและรวดเร็วเท่าโรคตาแดงจากเชื้อไวรัส
คุณหมอแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการรักษาโรคตาแดงว่าผู้ป่วยโรคตาแดงต้องพยายามรักษาสุขภาพ พักผ่อนมากๆ โดยเฉพาะในช่วงที่มีอาการตาแดงอย่างรุนแรง ไม่ควรทำงานดึก ควรนอนให้เพียงพอควรรักษาโดยวิธีการประคบเย็น หยดน้ำตาเทียม และอาจหยดยาปฎิชีวนะในกรณีที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย หมั่นล้างมือบ่อยๆ ควรงดการใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน ทุกครั้งที่จับตาควรล้างมือให้สะอาด ผู้ป่วยไม่ควรลงเล่นน้ำในสระเพราะจะแพร่กระจายเชื้อไวรัสไปในน้ำได้ และควรทิ้งกระดาษทิชชูที่ใช้ซับน้ำตาหรือเช็ดขี้ตาลงถังขยะทุกครั้ง สำหรับผู้ที่อยู่ในวัยเรียนหรือทำงานในที่ชุมชน ที่สาธารณะหรือสถานพยาบาล ควรหยุดเรียน หยุดไปทำงาน จนกว่าจะพ้นระยะการแพร่เชื้อ ซึ่งสังเกตได้จากอาการตาแดงหายไป และไม่มีน้ำตาไหล หากรักษาด้วยยาป้ายตา หรือยาหยอดตานานเกิน 7 วัน แล้วอาการยังไม่ทุเลาหรือมีอาการอื่นร่วม เช่น ปวดตามาก ตามัว ขี้ตาเป็นหนอง ลืมตาไม่ขึ้น มีไข้สูง ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพราะหากทิ้งไว้นานอาจถึงขั้นตาบอดได้
อย่างไรก็ตาม การหลีกเลี่ยง ป้องกัน ย่อมดีกว่าการรักษา ดวงตาสวยๆ ของเรามีเพียงคู่เดียวที่คอยทำหน้าที่ให้เรามองเห็น หากดูแลสุขภาพตาของเราไม่ดีพออาจทำให้เราเสียดวงตาสวยๆ คู่นี้ไปก็ได้ ใช้งานดวงตาหนักมาทั้งปีควรหมั่นดูแลตรวจสุขภาพดวงตาอย่างน้อยปีละครั้งเพื่อให้ดวงตาคู่สวยอยู่กับเราไปนานๆ