สช. เปิดตัวโครงการ “ตั้งหลัก ก่อนตรวจ” แนะ ๕ ข้อควรรู้ก่อนตรวจสุขภาพ

ศุกร์ ๑๒ กันยายน ๒๐๑๔ ๑๗:๐๑
สช. เปิดตัวโครงการ “ตั้งหลัก ก่อนตรวจ” แนะ ๕ ข้อควรรู้ก่อนตรวจสุขภาพ รณรงค์ประชาชนให้เกิดความเข้าใจและใส่ใจกับการตรวจสุขภาพมากขึ้น โดยคำนึงถึงปัจจัยเรื่อง เพศ อายุ และพฤติกรรมเสี่ยงในชีวิตประจำวัน คาดคนไทยได้ประโยชน์ถึง ๒๐ ล้านคน

สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) เปิดตัวโครงการ “ตั้งหลัก ก่อนตรวจ” เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในการตรวจสุขภาพที่เหมาะสม ประเดิมด้วยการจัดเสวนา ร่วมกับนิตยสารชีวจิต โดยผู้เชี่ยวชาญในการดูแลสุขภาพ พร้อมจัดทำหนังสือ “ตั้งหลัก ก่อนตรวจ ๒๐ ถาม-ตอบ เรื่องตรวจสุขภาพ” จำนวนกว่า 30,000 เล่ม เพื่อแจกจ่ายให้แก่ผู้สนใจทั่วไป

รศ.นพ. สุรเกียรติ อาชานานุภาพ ประธานคณะทำงานวิชาการเฉพาะประเด็น เรื่อง นโยบายการตรวจสุขภาพที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับประชาชน ในการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๖ กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยนิยมตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพื่อค้นหาความผิดปกติในร่างกายหรือโรคที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยส่วนใหญ่ยินยอมที่จะเสียค่าใช้จ่ายซื้อแพคเกจตรวจสุขภาพกับทางโรงพยาบาล ซึ่งบางครั้งพบว่าเป็นการตรวจสุขภาพที่เกินความจำเป็น เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในการตรวจสุขภาพอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ว่าควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆอย่างไรบ้าง

สช.จึงได้ริเริ่มโครงการ “ตั้งหลัก ก่อนตรวจ” เพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน ในการตรวจสุขภาพอย่างถูกต้อง ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและคนในครอบครัวให้มากที่สุด พร้อมสานต่อ มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๖ พ.ศ.๒๕๕๖ ให้เกิดการขับเคลื่อน “นโยบายการตรวจสุขภาพที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับประชาชน” ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยความร่วมมือของทุกภาคส่วนในสังคม

“โครงการตั้งหลัก ก่อนตรวจ จะเป็นเหมือนคู่มือที่ช่วยแนะนำทุกคนว่า ควรศึกษาข้อมูลพื้นฐานอะไรบ้าง ที่ช่วยให้การตรวจสุขภาพเกิดผลอย่างแม่นยำ ได้ประโยชน์ รู้เท่าทัน และสามารถเลือกตรวจตามความจำเป็นและเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด”

สำหรับการรณรงค์ สช.จะมุ่งเน้นการส่งเสริม “๕ ข้อควรรู้ ก่อนตรวจสุขภาพ” สำหรับประชาชน ประกอบด้วย

(๑) การตรวจสุขภาพจำเป็นหรือไม่: การตรวจสุขภาพเป็นเรื่องจำเป็น เพราะมีโรคหลายโรคที่ไม่มีอาการผิดปกติให้สังเกตได้ การตรวจสุขภาพเป็นการค้นหาโรคที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา และเมื่อเจอโรคในระยะแรกก็จะได้รักษาได้ง่าย หรือรักษาให้หายขาดได้ นอกจากนี้การตรวจสุขภาพยังเป็นการค้นหาพฤติกรรมเสี่ยงหรือปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคของเรา ทำให้เรารู้ว่าเรามีพฤติกรรมเสี่ยงหรือปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคอะไรบ้าง หมอที่ตรวจจะได้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวของเราได้อย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคนั้นๆ

(๒) ตรวจสุขภาพอย่างไรจึงเรียกว่าตรวจเท่าที่จำเป็นและเหมาะสม: เราต้องรู้ก่อนว่าเรามีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคอะไรบ้าง เมื่อรู้แล้วหมอจะตรวจร่างกาย และตรวจเน้นพิเศษในบางเรื่องที่มีปัจจัยเสี่ยง รวมทั้งถ้าจำเป็นอาจมีการตรวจแล็บเพิ่มเติม แต่หากไม่ได้ตรวจตามปัจจัยเสี่ยงก็เป็นการตรวจที่ไม่เหมาะสม

(๓) ควรตรวจสุขภาพตามแพ็คเกจ หรือไม่: ไม่ควร เนื่องจากการตรวจสุขภาพไม่ใช่การตรวจมากเข้าไว้ ไม่ใช่การตรวจแบบเหมาโหล แต่ต้องตรวจเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับตัวเราเท่านั้น หากตรวจเกินจำเป็นก็จะทำให้สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ และการตรวจบางอย่างอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ด้วย

(๔) การตรวจแล็บจำเป็นสำหรับการตรวจสุขภาพหรือไม่: ไม่จำเป็น เพราะการตรวจสุขภาพที่ถูกต้องไม่ได้มุ่งเน้นที่การตรวจแล็บ แต่ให้ความสำคัญกับการซักประวัติเป็นหลัก เพราะการซักประวัติทำให้เราค้นพบปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค และเมื่อรู้ปัจจัยเสี่ยงแล้ว ขั้นตอนถัดไปหมอก็จะตรวจร่างกาย และตรวจแล็บเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งบางครั้งไม่จำเป็นต้องตรวจแล็บเลยก็ได้

การตรวจสุขภาพที่ให้ความสำคัญกับการตรวจแล็บ จึงไม่ใช่การตรวจสุขภาพที่ถูกต้อง ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าการตรวจสุขภาพคือ การตรวจหาโรคโดยการตรวจแล็บ และมุ่งเน้นการรักษาจากหมอ แต่ละเลยการดูแลสุขภาพของตนเอง

(๕) ประโยชน์และโทษของการตรวจสุขภาพ: การตรวจสุขภาพมีประโยชน์หากทำอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ เพราะโรคบางโรคหากตรวจพบในระยะแรกก็จะรักษาได้ผลดี หรือหายได้ แต่หากมุ่งตรวจแบบไม่จำเป็นและไม่เหมาะสมสำหรับตัวเรา ก็จะเกิดโทษมากกว่าประโยชน์ เพราะถ้าตรวจเจอว่าเป็นโรคที่ยังไม่มีการพิสูจน์ได้ชัดเจนว่ารักษาได้ หรือรักษาในระยะแรกไม่ได้ผลดี เราย่อมเกิดความวิตกกังวลใจ รวมทั้งเครื่องมือที่ตรวจก็ไม่ได้แม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงอาจทำให้เจอผลบวกลวง (ไม่เป็นโรค แต่ผลการตรวจเบื้องต้นว่าเป็นโรค) ที่ทำให้เราเจ็บตัวเพราะต้องตรวจเพิ่มเพื่อยืนยันผล และทำให้เราเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้การตรวจเพิ่มเติมบางอย่างยังเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ด้วย แต่หากเจอผลลบลวง (เป็นโรคแฝงอยู่ แต่ตรวจไม่พบ) ก็จะทำให้เราชะล่าใจและไม่ปรับพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค ซึ่งกลับจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคอีก

ทั้งนี้นอกจากการจัดเสวนา ร่วมกับนิตสาร “ชีวจิต” ในครั้งนี้แล้ว สช.จะจัดให้มีการรณรงค์ในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดนิทรรศการให้ความรู้ตามสถานที่ในชุมชนต่างๆ เพื่อเข้าถึงประชาชนในวงกว้าง ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ และการเผยแพร่ข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดียรวมถึงการผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติเรื่องนี้ในภาพรวมให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์กับประชาชนไม่ต่ำกว่า ๒๐ ล้านคนทั่วประเทศ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ