รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้อธิบายถึงสถานการณ์ในประเทศไทยว่า หลังจาก คสช. ได้เข้ามาบริหารประเทศ สถานการณ์ในประเทศได้มีความสงบสุขและมีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่น ของนักลงทุนและผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบัน ได้มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศ ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2557 ซึ่งถือเป็นการดำเนินการในระยะที่ 2 ของยุทธศาสตร์การบริหารประเทศดังกล่าว โดยได้มีการจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และเตรียมจัดตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติและคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะดำเนินการปฏิรูปประเทศควบคู่ไปกับการสร้างความปรองดองในระยะยาว ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เน้นย้ำถึงนโยบายของประเทศที่ยึดมั่นในระบบเศรษฐกิจที่เปิดกว้างและเสรี และมุ่งเน้นการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนอย่างมั่นคงในระยะยาว
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ใช้โอกาสที่เข้าร่วมการประชุมนี้ ซึ่งมีการพิจารณาความร่วมมือระหว่างยุโรปและเอเชียในการเสริมสร้างการเจริญเติบโต ชักจูงให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศสมาชิกอาเซม ตลอดจนสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศให้พิจารณาร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทยและของภูมิภาคเอเชีย เพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงทางการค้าและการลงทุน และพัฒนาระบบโลจิสติกส์ในภูมิภาค โดยได้ย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน (Public-Private Partnerships: PPPs) ซึ่งจะช่วยลดภาระทางการคลังและเสริมสร้างประสิทธิภาพให้มากขึ้น