คุณสุชาติ เปิดเผยหลังจากลองควบรถคันโปรดไปรอบๆสนามซีไอซีว่า “ทันทีที่มาเห็นสนามแห่งนี้เสร็จสมบูรณ์ ผมตื่นเต้นจนบอกไม่ถูก และอดไม่ได้ที่จะต้องลงทดสอบสนามด้วยตัวเอง ซึ่งในวันนี้ผมเลือกขี่ CB500F เพราะเป็นคนชอบรถสปอร์ตแบบเนคเกตอยู่แล้ว และเคยลองขี่รถประเภทนี้ในสนามแข่งซูซูกะประเทศญี่ปุ่นมาก่อนจึงอยากลองดู ซึ่งความรู้สึกที่ได้รับหลังจากทดสอบสนามเสร็จถือว่าสุดยอดมาก เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้สนามใหญ่ๆของต่างประเทศเลย ตั้งแต่บรรยากาศรอบสนามที่ไม่ร้อนอย่างที่คิด ภูมิทัศน์ดี พื้นผิวสนามให้สัมผัสของความเป็นซูเปอร์เรซซิ่งมีทางยาวตรงที่ใช้ความเร็วได้สูงถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและโค้งสนามแต่ละโค้งก็มีความท้าทายที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะโค้งที่ 12 หรือโค้งสุดท้ายที่จัดได้ว่าเป็นโค้งที่ขี่ยากมาก เพราะเป็นลักษณะหักศอกหลังมาด้วยความเร็วสูง เชื่อว่าในการแข่งขันจริงโค้งนี้จะกลายเป็นจุดพลิกเกมและวัดฝีมือของนักแข่งระดับโลกได้เลยทีเดียว ในขณะที่ผู้ชมก็จะได้ลุ้นกันสนุกเพราะมองเห็นมุมนี้จากสแตนด์ได้ชัดเจนมาก”
“หลังขับขี่เสร็จ ผมบอกได้เลยว่าสนุกมากๆ รู้สึกยินดีที่เมืองไทยมีสนามระดับโลกแบบนี้เกิดขึ้น เพราะนักแข่งชาวไทยจะมีโอกาสได้พัฒนาฝีมืออีกมาก ซึ่งทางเอ.พี.ฮอนด้าก็พร้อมจะให้การสนับสนุนเต็มที่ทั้งตัวนักแข่ง ทีมแข่งและสนาม เพื่อยกระดับให้วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยก้าวไปสู่ระดับโลกอย่างเต็มตัว”
“ผมต้องขอขอบคุณทางสนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิตที่เปิดโอกาสให้ผมและนักแข่งจากเอ.พี.ฮอนด้า และครูฝึกขับขี่ปลอดภัยของเราได้มีโอกาสลงขี่ทดสอบในสนามนี้เป็นกลุ่มแรก ซึ่งทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันถึงความยอดเยี่ยมของสนามแห่งนี้ และเชื่อว่าจากนี้ไปจังหวัดบุรีรัมย์จะกลายเป็นเมืองที่คึกคักและจะเปลี่ยนสถานะจากเมืองผ่านเป็นเมืองปลายทางในไม่ช้านี้”
และนี่คืออีกหนึ่งทัศนคติจากใจผู้บริหารของเอ.พี.ฮอนด้า ซึ่งเราก็เชื่อว่าคนไทยทุกคนก็คงรู้สึกดีใจและภูมิใจเช่นกัน