กระทรวงเกษตรฯ วางแผนส่งออกกล้วยไม้ปี’58 เน้นประชาสัมพันธ์ด้านคุณภาพและปลอดแมลง พร้อมเปิดตลาดใหม่ในกลุ่ม AEC

พฤหัส ๑๘ กันยายน ๒๐๑๔ ๑๐:๐๔
นายวิมล จันทรโรทัย รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การแข่งขันกล้วยไม้ไทยในตลาดโลก ว่า ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพของการแข่งขันและมีโอกาสสูงในการส่งออกกล้วยไม้ โดยเฉพาะกล้วยไม้ที่มีคุณภาพในตระกูลสีชมพู ที่สามารถส่งออกไปยังตลาดอื่นๆได้อีกนอกจากประเทศจีน ซึ่งในขณะนี้กล้วยไม้ที่ปลูกและส่งออกไปประเทศจีนในตระกูล Sonia มีปริมาณมาก จึงทำให้แผนงานในปีหน้าเน้นเรื่องการส่งเสริมคุณภาพการปลูกกล้วยไม้ส่งออกให้มากขึ้น อาทิ 1. การควบคุมคุณภาพในการแบ่งประเภทของกล้วยไม้ส่งออกตามเกณฑ์มาตรฐานของประเทศที่ต้องการนำเข้า 2. วิธีปฏิบัติในการควบคุมการนำเข้า ตั้งแต่มาตรฐานสวนที่ปลูก มาตรฐานโรงคัดและบรรจุภัณฑ์ มาตรฐานในการักษาคุณภาพก่อนการส่งออก

อีกประเด็นคือ การส่งเสริมการแข่งขันในตลาดโลก ต้องอาศัยความร่วมมือของหลายหน่วยงานในการช่วยส่งเสริมการขายและสร้างภาพลักษณ์ของกล้วยไม้ไทยในตลาดโลก ในการประชุมครั้งนี้เป็นเวลาอันดีที่ทุกหน่วยงานจะมาร่วมกันกำหนดแผนงานในการจัดแสดงภาพลักษณ์กล้วยไม้ไทยและส่งเสริมการตลาดของกล้วยไม้ไทยในประเทศต่างๆ โดยให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้มาพบกัน นอกเหนือจากการไปแสดงเรื่องคุณภาพแล้ว ยังเป็นการทำธุรกิจแบบ Business Matching ส่วนการวางแผนเรื่องนวัตกรรม ได้เล็งเห็นถึงปัญหาเพลี้ยไฟในสวนกล้วยไม้เป็นปัญหาหลัก ที่ส่งผลต่อคุณภาพกล้วยไม้ ได้มีการนำร่องทดสอบการปลูกกล้วยไม้ในโรงเรือน เพื่อควบคุมเพลี้ยไฟแล้ว ยังมีการศึกษาเรื่องคุณภาพกล้วยไม้หลังการบรรจุภัณฑ์ไปแล้ว ว่าสามารถแยกแยะได้ว่ากล้วยไม้ประเภทใดมีคุณภาพและกล้วยไม้ใดเป็นกล้วยไม้โดยทั่วไป เพื่อทำให้ตลาดมีโอกาสในการคัดเลือกสินค้าที่มีคุณภาพได้มากขึ้น

นายวิมล กล่าวต่อไปว่า โอกาสในการนำเข้าไปขายในกลุ่ม AEC เช่น ลาว กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มีโอกาสสูง โดยต้องส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น ซึ่งได้กำหนดแผนงานไว้แล้วในปี 2558 โดยเฉพาะในประเทศฟิลิปปินส์ เพราะเป็นตลาดที่น่าสนใจ

ด้านราคาของกล้วยไม้นั้น ปกติประเทศไทยได้มีการส่งออกปีละประมาณ 2,500 ล้านบาท เนื่องจากประเทศไทยมีการปลูกกล้วยไม้ในตระกูล Sonia ค่อนข้างมาก ประกอบกับในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน มีปริมาณผลผลิตกล้วยไม้ออกมามาก อาจทำราคาค่อนข้างตกลงไป แต่อย่างไรก็ตามในการคัดคุณภาพที่ส่งออกไปยังประเทศที่ต้องการคุณภาพกล้วยไม้และสามารถแยกแยะได้ ยังมีโอกาสที่จะทำตลาดต่อไปได้ อีกทั้งประเทศไทยยังมีศักยภาพ มีโอกาสในการแข่งขันสูง เมื่อเทียบกับประเทศอื่น แต่สิ่งที่จำเป็นในขณะนี้คือ ต้องแยกความต้องการของประเทศปลายทางให้ชัดเจน และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ประเทศปลายทางได้กำหนดเอาไว้ เช่น ขนาด คุณภาพ วิธีการในการเก็บรักษา วิธีการบรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีความสำคัญในการหารือในครั้งนี้ด้วย

“ตลาดหลักๆในการส่งออกกล้วยไม้ของไทยคือ ประเทศจีน มีการส่งออกปีละ 60-70% ซึ่งไทยจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรฐานGAP และมาตรฐานโรงเรือน(GMP) ในบางพื้นที่ของจีนยังมีการควบคุมเรื่องแมลง จึงจำเป็นต้องมีการขอใบอนุญาตหรือใบรับรองการปลอดแมลงจากด่านที่ส่งออกด้วย ช่องทางการส่งออกมีทั้งทางเครื่องบิน และรถยนต์ผ่านทางเชียงของ ไปประเทศลาว เข้าสู่ทางตอนใต้ของจีน ไปถึงตลาดคุนหมิง โอกาสที่จะพัฒนาในตลาดจีนให้มากขึ้นต้องอาศัยการรวมกลุ่มเพื่อพัฒนากล้วยไม้ให้มีความต่อเนื่องและมีคุณภาพให้เหมือนกัน ส่วนกล้วยไม้ที่มีคุณภาพต่ำจำเป็นต้องแยกแยะออกจากตลาดหลักโดยทั่วไปเพื่อทำให้กลไกของราคาเป็นไปตามคุณภาพของราคาสินค้า” นายวิมล กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ