ดีแอนด์ดับบลิวเซ็นMOU รุกตลาดพม่า –ขยายฐานลูกค้า

พฤหัส ๑๘ กันยายน ๒๐๑๔ ๑๐:๒๐
ดีแอนด์ดับบลิวจับมือกับบริษัทในพม่า ร่วมเซ็น MOU หวังขยายฐานลูกค้าใหม่และเจาะตลาดในพม่าเพิ่ม คาดยอดขายปีนี้โตประมาณ 30%

นายสุเรซ ซูบรามาเนียม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีแอนด์ดับบลิว (เอเชีย) จำกัด ผู้ผลิตประตูและหน้าต่างคุณภาพสูงซึ่งได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแบรนด์เฟลทเชอร์ (Fletcher) เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะมีพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างบริษัทกับบริษัท โฮม คอนสทรัคชั่น จำกัด (ประเทศพม่า) ซึ่งบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างในประเทศพม่า ซึ่งมีฐานลูกค้าอยู่ในมือค่อนข้างมากและตรงกับกลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯ สำหรับการใช้ผลิตภัณฑ์ภายในอย่างระบบประตูหน้าต่างซึ่งใช้กับอาคารสูง

อีกทั้ง บริษัทฯ ได้ทำการค้ากับทางโฮมฯ มาเป็นระยะเวลาหนึ่งซึ่งทางโฮมฯ เองก็เป็นลูกค้าและคู่ค้าที่ดี ดังนั้นจึงมีความคิดเห็นที่ตรงกันในการที่จะทำการค้าระร่วมกัน จึงได้ตกลงและมีการลงนามระหว่างกันเพื่อที่จะนำเอาสินค้าของทางบริษัทฯ ไปขายยังประเทศพม่า โดยผลิตภัณฑ์หลักๆ ที่จะนำไปเจาะตลาดพม่านั้น จะเน้นสินค้า แบรนด์เฟลทเชอร์ และระบบประตูหน้าต่างที่เหมาะสำหรับอาคารสูง และมีราคาไม่แพงมากนัก เนื่องจากสินค้าของบริษัทฯ ส่วนใหญ่จะเหมาะสำหรับการใช้กับอาคารสูง คอนโดมิเนียม และบ้านพักตากอากาศเป็นหลัก

“การขยายตลาดในเมียนมาร์เป็นการเพิ่มช่องทางการขาย และสร้างแบรนด์เฟลทเชอร์ให้เป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จักไปทั่ว เนื่องจากก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้เข้าไปเจาะตลาดในพม่า แต่ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ซึ่งการเซ็น MOU ในครั้งนี้ ก็คาดว่าจะเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่และขยายฐานตลาดได้กว้างมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีบริษัทคู่ค้า (พาร์ทเนอร์) ประมาณ 8 ราย ทั้งในและต่างประเทศ สำหรับการขยายตลาดไปยังประเทศอื่นนั้น ขณะนี้กำลังศึกษาตลาดการกระจายสิ้นค้าไปที่กัมพูชา และประเทศอื่นๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียน” นายสุเรซ กล่าว

นายสุเรซ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการตลาดในประเทศนั้น จะ เน้นการออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า โดยล่าสุดได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ประตูบานเลื่อน ภายใต้ชื่อ “ยูโรแสตกเกอร์ ฟลัช ซิล" (Eurostacker Flush Sill) ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาระบบรางของประตูบานเลื่อนแบบดั้งเดิมที่มักมีปัญหาในการใช้งาน และไม่ทนทาน โดยเน้นลูกค้าประเภทบ้านพักอาศัยที่ต้องการประตูบานเลื่อน ซึ่งสามารถเห็นมุมมองได้กว้างขึ้นและมีคุณภาพสูง โดยคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายได้ประมาณ 18 – 20 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ คาดว่ารายได้ในปีนี้น่าจะมีรายได้เข้ามาประมาณ 120 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะโตกว่าปีที่แล้ว 100 % เนื่องจากบริษัทฯ เน้นขายผลิตภัณฑ์เฟลทเชอร์เป็นหลัก และอาศัยคู่ค้าสำหรับช่องทางการจัดจำหน่าย สำหรับสัดส่วนการขายสินค้าระหว่างในประเทศและต่างประเทศ น่าจะอยู่ที่สัดส่วน 80 : 20% นอกจากนี้ ในส่วนของยอดขายบริษัทฯ คาดว่าจะมียอดขายเติบโตประมาณ 30%

อนึ่ง บริษัทฯ ได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากเฟลทเชอร์ อลูมิเนียม นิวซีแลนด์ (Fletcher Aluminium New Zealand) ซึ่งมีความชำนาญและมีชื่อเสียงเกี่ยวกับประตู และหน้าต่างอลูมิเนียมมามากกว่า 70 ปี และในขณะนี้ผลิตภัณฑ์สินค้าของบริษัทฯ ส่วนใหญ่ได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าประเภทโรงแรม รีสอร์ท อาคารสูง คอนโดมีเนียม บ้านพักอาศัยและบ้านพักตากอากาศ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ