การก่อสร้างโครงการมหานครคืบหน้าแล้วกว่า 50% คาดแล้วเสร็จสมบูรณ์ปลายปี 2558
ล่าสุด เปิดตัวห้องตัวอย่างใหม่แบบ 3 ห้องนอน สุดเอ็กซ์คลูซีฟมาตรฐานเดอะ ริทซ์-คาร์ลตันราคาเริ่มต้น 60 ล้านบาท ยกระดับอสังหาไฮเอนด์ไทยทัดเทียมระดับโลก
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “PACE” เปิดเผยว่า ล่าสุด PACE ได้เปิดตัวห้องตัวอย่างใหม่ เรสซิเดนซ์แบบ 3 ห้องนอน ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 60 ล้านบาท เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จอีกก้าวหนึ่ง หลังจากที่เรสซิเดนซ์แบบ 2 ห้องนอน และแบบอื่น ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งหลังจากบริษัทฯ ทำการเปิดตัวห้องตัวอย่างใหม่นี้ เพซสามารถขายเรสซิเดนซ์ได้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 300 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทฯ สามารถทำยอดขายห้องชุดพักอาศัย แบรนด์ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก ในโครงการมหานครได้แล้วกว่าร้อยละ 60 และในช่วงครึ่งแรกของปีสามารถทำยอดขายได้อย่างต่อเนื่องหลังจากที่โครงการมหานครได้เปลี่ยนกรรมสิทธิ์เป็นแบบฟรีโฮลด์ ทำให้ลูกค้าที่เคยลังเลสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
นาย สรพจน์ กล่าวว่า “การขายเพนท์เฮาส์ขนาดใหญ่ของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1,500 ตารางเมตร ด้วยราคาขายที่ 480 ล้านบาท ทำให้เพนท์เฮาส์ดังกล่าวเป็นห้องชุดพักอาศัยที่ใหญ่ที่สุดและราคาสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการซื้อขายในประเทศไทย และด้วยการที่บริษัทฯ สามารถทำยอดขายได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี 2556 ถึงกลางปี 2557 แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ยังมีความต้องการในอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์อย่างต่อเนื่อง โดย PACE เชื่อว่า ทุกๆองค์ประกอบในเรสซิเดนซ์มีความสำคัญมากเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบสถาปัตยกรรม การตกแต่งภายใน การก่อสร้าง และการบริการ ซึ่งองค์ประกอบที่มีมาตรฐานสูงสุดจะทำให้ผู้พักอาศัยรู้สึกได้ถึงคุณภาพที่แท้จริง ทั้งยังได้รับความสะดวกสบายและยังสามารถเพิ่มมูลค่าในระยะยาวอีกด้วย”
และเมื่อเร็วๆ นี้ PACE ได้เปิดตัวห้องตัวอย่างใหม่ของ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก ในรูปแบบเรสซิเดนท์แบบ 3 ห้องนอน โดยทีมงาน PACE ได้ทุ่มเทอย่างมากในการสร้างสรรค์เรสซิเดนซ์ตัวอย่างนี้ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดทั้งแก่ผู้ซื้อและนักลงทุน และขณะนี้โครงการมหานครมีความคืบหน้าในการก่อสร้างไปแล้วกว่าร้อยละ 50 ดังนั้น บริษัทฯ มั่นใจว่า เมื่อโครงการมหานครแล้วเสร็จ จะสามารถยกระดับอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ของไทยให้ทัดเทียมกับอสังหาริมทรัพย์ไฮเอนด์ระดับโลกได้อย่างแท้จริง
สำหรับ ความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการ “มหานคร” อาคารที่สูงที่สุดในกรุงเทพฯ ด้วยความสูง 77 ชั้น (314 เมตร) ที่จะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบการถือครองกรรมสิทธิ์อย่างสมบูรณ์หรือฟรีโฮลด์ ด้วยรูปแบบมิกซ์-ยูส ประกอบด้วย ที่พักอาศัย แบรนด์ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก จำนวน 200 ห้อง ราคาขายตั้งแต่ 45 – 300 ล้านบาท และ บูทีคโฮเต็ล แบรนด์ เดอะ บางกอกเอดิชั่น บริหารโดย เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน จำนวน 159 ห้อง รวมถึง มหานคร คิวบ์ อาคารไลฟ์สไตล์ รีเทล เซ็นเตอร ขนาด 7 ชั้น ที่เน้นการบริการด้านร้านอาหาร และ สกาย ออบเซอเวชั่น เด็ค (Sky Observation Deck) ซึ่งจะเป็นจุดชมวิวใหม่ล่าสุดของกรุงเทพฯ ในอนาคตอันใกล้ ปัจจุบันการก่อสร้างโครงการมหานครมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก โดยในส่วนแรก ที่เป็นตัวอาคารหลัก ขณะนี้แกนโครงสร้างของบริเวณอาคารหลักโครงการมหานครถึงชั้นที่ 40 แล้ว และจะเห็นความคืบหน้าการก่อสร้างประมาณ 5-6 ชั้นต่อเดือน โดยโครงการมหานครมีกำหนดแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ปี 2558 ขณะที่ในส่วนที่สองคือ มหานคร คิวบ์ อาคารไลฟ์สไตล์ รีเทล เซ็นเตอร์ ล่าสุดผู้เช่า เช่น VOGUE lounge และ L’Atelier de Joël Robuchon กำลังจะเปิดให้บริการภายในปลายปีนี้ หลังจากที่ผู้เช่ารายแรก ดีน แอนด์ เดลูก้า ได้เปิดให้บริการเป็นที่เรียบร้อย โดยบริษัทฯ ได้มีการเริ่มรับรู้รายได้โครงการมหานครในส่วนของ รีเทล คิวบ์ ตั้งแต่ไตรมาส 1/ 2557 และคาดว่าจะรับรู้รายได้ส่วนอื่นๆ ได้แก่ ห้องชุดพักอาศัย โรงแรม รีเทล ฮิลล์ ได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2558 เป็นต้นไป
ขณะที่ในส่วนของ ความคืบหน้าของโครงการมหาสมุทร หัวหิน นายสรพจน์ กล่าวว่า ปัจจุบันได้ปูพื้นหรือไลเนอร์ทะเลสาบคริสตัล ลากูนส์เสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังดำเนินงานในส่วนของงานระบบและโครงสร้างพื้นฐาน และในส่วนของมหาสมุทร คันทรี่คลับ บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะรับจำนวนสมาชิกประมาณ 4,000 สมาชิก โดยจะเริ่มเปิดขายสมาชิกเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะรับรู้รายได้จากการขายโครงการมหาสมุทรได้ประมาณปลายปี 2558 เป็นต้นไป โดยจะเปิดขายวิลล่าพร้อมกับการก่อสร้างควบคู่กันไปด้วย เช่นเดียวกับโครงการคอนโดมิเนียมที่ถนนหลังสวน ที่บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเปิดตัวโครงการได้ในไตรมาสแรกปี 2558
นายสรพจน์กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 มองว่าจะยังคงสามารถเติบโตต่อเนื่อง โดยเห็นได้ชัดเจนจากยอดขายโครงการมหานครที่ทำได้ดีมาตั้งแต่ต้นปี และมั่นใจว่าอสังหาริมทรัพย์เซ็กเมนต์ไฮเอนด์มีความมั่นคงทั้งในระยะกลางและระยะยาวเพราะจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากการรวมตัวประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ที่จะเริ่มขึ้นในปี 2558