สถาบันอนาคตไทยศึกษาชี้ 7 สาเหตุที่ประสิทธิภาพแรงงานไทยต่ำ เสนอทางออกด้วยการพัฒนาคลัสเตอร์ในภูมิภาค

พุธ ๒๔ กันยายน ๒๐๑๔ ๑๐:๓๒
สถาบันอนาคตไทยศึกษาได้เปิดเผยผลงานวิจัยชิ้นล่าสุดเกี่ยวกับประสิทธิภาพแรงงาน และความสามารถในการแข่งขันซึ่งพบว่า ความสามารถในการแข่งขันของไทยต่ำกว่าเมื่อ 10 ปีก่อนเล็กน้อย แต่ยังตามหลังอีกหลายประเทศ เมื่อเทียบกันในภูมิภาค เนื่องจากต้นทุนแรงงานต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้นเร็ว และแซงประเทศเพื่อนบ้านในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถ้าเราดูที่ต้นทุนค่าจ้างต่อหน่วย (Unit Labor Cost) ของไทย จะพบว่าต้นทุนสูงขึ้นจากเมื่อ 10 ปีที่แล้วราว 3% ในขณะที่ประเทศอื่นในภูมิภาคมีต้นทุนถูกลง (อินโดนีเซียลดลง 12%, ฟิลิปปินส์ลดลง 26%) เพราะประสิทธิภาพแรงงานของไทยที่เพิ่มขึ้นน้อยมาก (2% ต่อปี) เมื่อเทียบกับประเทศอื่น เช่น อินโดนีเซีย (3%) เวียดนาม( 4%) และจีน (10%)

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการลงทุนในประเทศที่ต่ำ ไม่มีการปรับปรุงกระบวนการผลิตที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ (Move up value chain) แรงงานมีระดับการศึกษาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นก็จริง แต่ไม่ตอบโจทย์ของภาคธุรกิจ อีกหลายสาเหตุเป็นเรื่องของโครงสร้างตลาดแรงงาน เพราะแรงงานส่วนใหญ่นั้นยังคงอยู่ในภาคเกษตรที่เป็นภาคที่มีประสิทธิภาพแรงงานต่ำสุด ส่วนแรงงานที่ย้ายออกจากภาคเกษตรนั้น เข้าสู่ภาคบริการที่มีประสิทธิภาพแรงงานเพียงครึ่งหนึ่งของภาคอุตสาหกรรม มิหนำซ้ำพอย้ายออกมาก็อยู่ในสถานประกอบการขนาดเล็กกว่า 10 คน มาเป็นลูกจ้างรายวัน หรือรายชิ้น มีมนุษย์เงินเดือนในภาคเอกชนเพียง 1 ใน 6 ของกำลังแรงงาน

ซึ่งถ้าจะแก้ปัญหาตามสาเหตุที่ว่ามา ก็ทำได้โดยการเพิ่มงบลงทุนภาครัฐ ปรับปรุงคุณภาพการศึกษา สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า ซึ่งการแก้ปัญหาแบบนี้เป็นสิ่งที่มีการพูดถึงกันมานานแล้วแต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ

ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ประธานกรรมการบริหารสถาบันอนาคตไทยศึกษา กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปัญหาหนึ่งที่มักเกิดขึ้นเมื่อแก้ปัญหาในระดับประเทศคือการขาดการบูรณาการ ขาดความร่วมมือ การมองปัญหาเป็นไซโล จึงควรเปลี่ยนแนวทางแก้ปัญหาไปใช้ประโยชน์ในเชิงพื้นที่ให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เกิดความร่วมมือระหว่างกัน และการบูรณาการได้ง่ายขึ้น เนื่องจากความรู้จักคุ้นเคยของแต่ละฝ่ายซึ่งต่างก็อยู่ในพื้นที่เดียวกัน และทุกฝ่ายน่าจะเห็นประโยชน์ร่วมกันที่จะเกิดขึ้นได้ชัดเจนกว่า วิธีหนึ่งที่ทำได้ก็คือการสร้างและพัฒนาคลัสเตอร์ใหม่ในภูมิภาค”

การพัฒนาคลัสเตอร์ในภูมิภาคนั้นมีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในหลายประเทศ อย่าง rubber valley ในเมืองซิงเตา ประเทศจีนก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง โคงการนี้ช่วยกระตุ้นการลงทุนจากรัฐและเอกชนเป็นมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ยังเกิดความร่วมมือระหว่างเอกชน กับสถาบันการศึกษาในการผลิต/ฝึกอบรมบุคคลากรที่เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ยางพารามากกว่า 3,000 คนต่อปี รวมไปถึงการจัดตั้งศูนย์วิจัย และแล็บเพื่อรองรับการผลิตงานวิจัยและนวัตกรรมใหม่ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตยางในท้องถิ่นได้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๓๒ Electronic Nose นวัตกรรมตรวจวัดกลิ่น! เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี กรมอนามัย ร่วม MOU กรมควบคุมมลพิษ และ 4 หน่วยงานรัฐ - เอกชน
๑๗:๐๑ ITEL ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 68 ไฟเขียวอนุมัติแจกวอร์แรนต์ฟรี ลุยขยายธุรกิจ
๑๗:๐๓ สวทช. โดย นาโนเทค เฟ้นหา 8 ผู้ประกอบการ ต่อยอดนวัตกรรมสมุนไพรสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง
๑๗:๕๙ คาเฟ่ แคนทารี ชวนมาลิ้มลองเมนูพิเศษประจำเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน 2568 อร่อยครบเครื่องทั้งรีซอตโตต้มยำ เครป
๑๗:๑๗ ซีพี ออลล์ x มูลนิธิชาวปักษ์ใต้ ร่วมสนับสนุนทุนการศึกษาเพื่ออาชีพแก่เยาวชนในจังหวัดภาคใต้
๑๗:๑๑ ซีพีแรม ดีเดย์ เปิดเวที FINNOVA 2025 : ยกระดับความรู้สู่นวัตกรรมอาหาร ปักหมุดไทยศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารโลก
๑๗:๑๙ ดีไซน์เพื่อชีวิตที่ไม่หยุดนิ่ง: อาดิดาส ออริจินอลส์ เผยโฉม ADIZERO ARUKU พร้อมพื้นรองเท้าแบบโปรเกรสซีฟ
๑๖:๒๘ พรีโม จับมือ Q-CHANG จัดทัพทีมช่างกว่า 2,000 ทีม! ยกระดับบริการซ่อมห้องชุด ตอกย้ำแนวคิด Primo Happy Maker
๑๖:๓๙ ครั้งแรก กับ Dance (แดนซ์) Glossy Body Hair Perfume Mist น้ำหอม 2-in-1 พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ เก๋ไก๋ บุกใจกลางกรุง ชวนสาวๆ
๑๖:๕๓ SCB CIO ชี้ 3 ปัจจัยกระทบตลาดการเงินฉุดสินทรัพย์ทั่วโลกผันผวน แนะระวังการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เพิ่มน้ำหนักหุ้นกู้ระยะสั้นคุณภาพดี และ