ผลกระทบของแรงงานต่างด้าวที่มีต่อเศรษฐกิจการเกษตรไทย

ศุกร์ ๒๖ กันยายน ๒๐๑๔ ๑๕:๒๒
ดร.ภูมิ ศักดิ์ ราศรี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) พร้อมด้วย ผศ.ดร.กัมปนาท เพ็ญสุภา รองคณบดีฝ่ายวิจัย ผอ.ศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) เปิดเผยร่วมกันว่า จากปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคการเกษตรของไทย ที่แรงงานภาคเกษตรที่มีอยู่เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (aging society) เพิ่มขึ้น ประกอบกับแรงงานภาคการเกษตรวัยหนุ่มสาวที่ได้รับการศึกษาเคลื่อนย้ายเข้าสู่ ภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งเกษตรกรมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้นจากราคาปุ๋ยเคมี สารกำจัดศัตรูพืช ค่าจ้างแรงงาน จึงเป็นเหตุผลนำมาซึ่งต้องมีการนำเข้าแรงงานต่างด้าวเพื่อลดต้นทุนการผลิต และทดแทนแรงงานของไทย ทำให้ประสบปัญหาในการจัดการแรงงานภาคการเกษตร โดยเฉพาะการจัดการแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตามฤดูกาลและมาเช้าเย็นกลับ ยังไม่สามารถกำหนดเป็นกฎกระทรวงได้อย่างชัดเจน ส่งผลให้การใช้แรงงานต่างด้าวในภาคเกษตรเป็นแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายหรือ ไม่ได้จดทะเบียนเป็นจำนวนมาก อีกทั้งแรงงานต่างด้าวเหล่านี้มีการลักลอบเข้าประเทศอย่างต่อเนื่องมาเป็น เวลานาน การเดินทางเข้าออกสามารถทำได้ง่าย

ศูนย์ติดตามและพยากรณ์ เศรษฐกิจการเกษตร (KU - OAE Foresight Center : KOFC) ได้ติดตามถึงสถานการณ์แรงงานต่างด้าวที่มีต่อเศรษฐกิจการเกษตรไทย พบว่า สถานการณ์แรงงานต่างด้าว ณ เดือนสิงหาคม 2557 คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงาน ทั่วราชอาณาจักร มีจำนวนทั้งสิ้น 1.56 ล้านคน จำแนกตามลักษณะการเข้าเมืองได้ 2 ประเภท ดังนี้

1) แรงงานต่างด้าวเข้าเมืองถูกกฎหมาย 1.54 ล้านคน

2) แรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย (แรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฏหมาย หมายถึง ชนกลุ่มน้อยตามตะเข็บชายแดนที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานชั่วคราวมาเช้า-เย็น กลับ) 0.02 ล้านคน รายละเอียดดังตารางที่ 1 โดยจำนวนแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองถูกกฎหมายคิดเป็นร้อยละ 98 ของจำนวนแรงงานต่างด้าวทั้งหมด

อย่าง ไรก็ตาม เพื่อนำไปสู่การจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวในประเทศ และการสร้างมาตรฐานในการทำงานของแรงงานต่างด้าวที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมทั้งเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการและนายจ้างซึ่งประกอบกิจการ บางประเภทที่มีความจำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าวเป็นอย่างมาก และเพื่อขจัดการบังคับใช้แรงงานหรือการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากแรงงาน ต่างด้าว เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกประกาศฉบับที่ 70/2557 เรื่องมาตรการชั่วคราวในการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ ได้มีประกาศตั้งศูนย์ขึ้นทะเบียนพร้อมออกใบอนุญาตเข้าเมืองและการทำงานให้ แรงงานต่างด้าวสำหรับแรงงานของประเทศ กัมพูชา เมียนมาร์และลาว โดยปัจจุบันได้ขยายระยะเวลาทำการศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว (One Stop Service: OSS) ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2557

สรุป ยอดรวมการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว ณ ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียวทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน-22 กันยายน 2557 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1.08 ล้านคน รายละเอียดดังตารางที่ 2 โดยประเภทกิจการที่จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กิจการก่อสร้าง เกษตรและปศุสัตว์ การให้บริการต่างๆ รายละเอียดดังตารางที่ 3 ที่มีการจดทะเบียนสาขากิจการก่อสร้างมากที่สุด รองลงมาคือ เกษตรและปศุสัตว์ และ การให้บริการต่างๆ ตามลำดับ

จาก ข้อมูลดังกล่าวข้างต้น คาดว่า ผู้ประกอบการและนายจ้างมีความต้องการแรงงานต่างด้าวอีกเป็นจำนวน 1.08 ล้านคน จากเดิมที่มีอยู่ 1.56 ล้านคน ดังนั้น ศูนย์ติดตามและพยากรณ์เศรษฐกิจการเกษตร จึงได้ทำการวิเคราะห์ผลกระทบของแรงงานต่างด้าวที่ลงทะเบียนเพิ่มเติมซึ่งยัง ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในราชอาณาจักร โดยการคำนวณผลกระทบจากแรงงานต่างด้าวจำนวน 1.08 ล้านคนที่มีต่อเศรษฐกิจการเกษตรไทยอย่างไรและมากน้อย เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาหาแนวทางบริหารจัดการแรงงานภาคการเกษตรของไทยและ ต่างด้าวให้เพียงพอต่อความต้องการแรงงานภาคเกษตร เกิดประสิทธิภาพและความสมดุลทางด้านแรงงานตามมา

ผลกระทบจากแรงงานต่างด้าวที่มีต่อเศรษฐกิจไทย

ศูนย์ติดตามและพยากรณ์เศรษฐกิจการเกษตร ได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์ว่า หากมีแรงงานต่างด้าวเพิ่มเข้ามาในภาคการผลิตจะส่งผลกระทบทำให้เกิดมูลค่า เพิ่มในภาคการผลิต มูลค่ารวม 252,810.21 ล้านบาท โดยภาคเกษตรกรรม มีมูลค่า 27,233.71 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.77 ของภาคการผลิตทั้งหมด ทั้งนี้ ภาคปศุสัตว์ได้รับผลกระทบมากที่สุด มูลค่า 3,448.67 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ ผักและผลไม้ อ้อย และข้าว ตามลำดับ รายละเอียดดังตารางที่ 4

ข้อเสนอแนะของการบริหารจัดการแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวในภาคเกษตร

เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้มีส่วนได้และส่วนเสียแก่ภาคเกษตรโดยรวม โดยเฉพาะเกษตรกร ศูนย์ติดตามและพยากรณ์เศรษฐกิจการเกษตรจึงขอเสนอแนวทางการบริหารจัดการแรง งานที่สำคัญ ดังนี้

1. ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพให้กับแรงงานผู้สูงอายุของไทย ที่มีอยู่มากในภาคเกษตร ให้สามารถทำงานในภาคเกษตรต่อไปได้ เช่น ทำงานฝีมือที่ไม่หนักมากเกินไป ฝึกทักษะและฝีมือเพิ่มขึ้นและทักษะอื่นๆ เป็นต้น รวมถึงการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ทางการเกษตรให้แก่ผู้สูงอายุด้วย

2. ประชาสัมพันธ์ให้คนไทยรุ่นใหม่มีความสนใจทำงานในภาคเกษตรมากขึ้น โดยสนับสนุนนโยบายเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและค่าจ้างภาคเกษตร ให้เทียบเท่ากับการทำงานในภาคอื่นๆ และได้รับการยกย่องทางสังคมโดยทั่วไป

3. ตรวจสอบความต้องการแรงงานแต่ละสาขาทางการเกษตร เพื่อให้ทราบความต้องการของการจ้างแรงงานต่างด้าวทดแทนแรงงานคนไทยที่ขาด แคลนในแต่ละอาชีพตามสาขาการผลิตและพื้นที่ให้ชัดเจน เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการจัดระเบียบการจ้างแรงงานต่างด้าวตามสาขาอาชีพที่จำ เป็นจริงๆ สอดคล้องกับความต้องการแรงงานต่างด้าวที่เหมาะสมต่อไป

4. เสนอมาตรการแก้ไขปัญหาในลักษณะองค์รวม ทั้ง ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ ประมง และภาคเกษตรอื่น หากรัฐบาลเห็นชอบก็สามารถเดินหน้าแก้ไขระเบียบข้อกฎหมายที่ยังเป็นอุปสรรค ได้ทันที ขณะเดียวกันก็เตรียมแนวทางจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวในระยะยาวตามนโยบายของ รัฐบาล ควบคู่กันไปด้วย

5. ตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการนำเข้าแรงงานต่างด้าว เช่น ค่านายหน้า ค่าพาสปอร์ต ค่าขึ้นทะเบียน ฯลฯ รวมถึงให้แรงงานต่างด้าวทำงานข้ามเขตหรืออำเภอได้ พร้อมทั้งทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนำเข้าแรงงานจากประเทศอื่น(อินโดนีเซีย ปากีสถาน และบังกลาเทศ) นอกเหนือจากแรงงานที่มีดินแดนติดกับประเทศไทย ซึ่งค่าแรงขั้นต่ำยังถูกกว่าไทยเป็นอย่างมาก

6. แรงงานต่างด้าวภาคเกษตรขึ้นทะเบียนเพิ่มเติม สาเหตุ ที่ผ่านมาเปิดให้ยื่นขอใบอนุญาตทำงานภาคเกษตรนั้น เนื่องจากที่ผ่านมามีแรงงานต่างด้าวขึ้นทะเบียนน้อยมาก เมื่อเทียบกับความต้องการแรงงานของภาคธุรกิจอื่นๆ แต่ขณะเดียวกันการขาดแคลนแรงงานภาคเกษตรยังมีมาก (พืชสวน ประมง ยางพารา) ต่อความต้องการแรงงานของภาคเกษตรโดยรวม จึงเห็นควรให้มีขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวเพิ่มเติม

7. การสร้างแบบจำลองแรงงานต่างด้าวภาคเกษตร ให้ จัดทำเป็นโครงการพิเศษแยกออกมาจากการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวโดยทั่วไป เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาได้รวดเร็ว เป็นรูปธรรม ในแบบบูรณาการ โดยอาจพิจารณานำ “สมุทรสาครโมเดล” หลักการคือให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย(ให้สมาคมธุรกิจต่าง ๆ สมาคมวิชาชีพ สมาคมประมง) ต้องเข้ามาร่วมรับผิดชอบให้ความร่วมมือกับรัฐอย่างจริงจัง มีรูปแบบการบริหารจัดการที่ยืดหยุ่นสอดคล้องกับภาวะตลาดแรงงาน นอกจากนี้การจัดระเบียบแรงงานในสวนยาง สวนปาล์มและสวนผลไม้อยู่ห่างไกลลับตาผู้คนจังหวัด ต่าง ๆ ของประเทศ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version