แนะเกษตรกรตัดต้นทำสาวกาแฟ สศก. คาด ปี 58 ผลผลิตลดจากสภาพอากาศ

อาทิตย์ ๒๘ กันยายน ๒๐๑๔ ๒๐:๑๘
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผย ผลสำรวจโครงการปรับโครงสร้างสินค้ากาแฟแบบครบวงจร ในจังหวัดชุมพรและระนอง ของเกษตรกรที่ร่วมโครงการปี 53 ระบุ ได้ผลผลิต 261 กิโลกรัมต่อไร่ ต้นทุน 28.74 บาท/กิโลกรัม คาด ปี 58 ผลผลิตกาแฟลดลงกว่าร้อยละ 50 จากสภาพอากาศ แนะ เกษตรกรฟื้นฟูสวนกาแฟด้วยการตัดต้นทำสาวกาแฟ

นายอนันต์ ลิลา เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึง ผลการจัดเก็บข้อมูลการผลิตและต้นทุนการผลิตกาแฟของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างสินค้ากาแฟแบบครบวงจร ในจังหวัดชุมพรและระนอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกาแฟ และลดต้นทุนการผลิต ของเกษตรกรที่ร่วมโครงการปี 2553 โดยการถ่ายทอดองค์ความรู้วิธีการตัดต้นทำสาวกาแฟ การปรับปรุงสภาพดิน การดูแลและกำจัดโรคแมลง และส่งเสริมให้ตัดฟื้นต้นทำสาวในแปลงตัวอย่างของตนเองจำนวน 1 ไร่ รวมทั้งเพิ่มมูลค่าสินค้ากาแฟจากการแปรรูปกาแฟและผลิตภัณฑ์กาแฟ

ในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจากเกณฑ์โครงการที่กำหนดเพิ่มผลผลิตกาแฟแปลงเดี่ยวจาก 200 เป็น 250 กิโลกรัมต่อไร่ และแปลงที่ปลูกร่วมกับพืชอื่นจาก 143 เป็น 180 กิโลกรัมต่อไร่ พบว่า เกษตรกรที่ทำแปลงเดี่ยวที่ร่วมโครงการในปี 2553 มีผลผลิต 261 กิโลกรัมต่อไร่ มากกว่าเกณฑ์ คิดเป็นร้อยละ 4.40

ด้านต้นทุนการผลิตกำหนดให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟต้องมีต้นทุนการผลิตไม่มากกว่าร้อยละ 10 ของต้นทุนการผลิตของประเทศเวียดนาม (38.40 บาทต่อกิโลกรัม) พบว่าเกษตรกรที่ทำแปลงเดี่ยวที่เข้าร่วมโครงการในปี 2553 มีต้นทุนการผลิต 28.74 บาทต่อกิโลกรัม ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตของประเทศเวียดนาม 9.66 บาทต่อกิโลกรัม

ด้านนายสุรศักดิ์ พันธ์นพ รองเลขาธิการและโฆษก สศก. กล่าวต่อไปว่า สำหรับแนวโน้มผลผลิตกาแฟในปี 2558 จากสภาวะฝนทิ้งช่วง/ภัยแล้งในช่วงมกราคม 2557 เป็นต้นมา ส่งผลกระทบให้ต้นกาแฟที่อยู่ในช่วงออกดอก ไม่ติดผลกาแฟ คาดว่าผลผลิตกาแฟลดลงกว่าร้อยละ 50 ดังนั้น เกษตรกรควรหันมาฟื้นฟูสวนกาแฟด้วยการตัดต้นทำสาวกาแฟ โดยเฉพาะสวนกาแฟที่มีต้นกาแฟอายุตั้งแต่ 8 -10 ปีขึ้นไปมีผลผลิตลดลง ซึ่งจะสามารถฟื้นคืนความสมบูรณ์ ให้ผลผลิตสูงดังเดิมภายในระยะเวลา 2 ปี โดยไม่ต้องเสียเวลาปลูกใหม่ที่ต้องใช้เวลา 3-4 ปี

ทั้งนี้ การตัดต้นทำสาว ทำให้ต้นกาแฟมีทรงพุ่มและความสูงที่เหมาะสม สามารถส่งปุ๋ยไปใช้ในการเจริญ พัฒนาทางลำต้น การออกดอก ติดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะดวกและลดเวลาในการเก็บเกี่ยวและบำรุงรักษา สามารถช่วยลดปัญหาการระบาดและสะสมของโรค/แมลงศัตรูพืช นอกจากนี้ เกษตรกรยังสามารถคัดเลือกกาแฟที่มีลักษณะพันธุ์ดีมาทำการเสียบยอด เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิต แต่การตัดฟื้นต้นควรทำเมื่อย่างเข้าหน้าฝน เนื่องจากมีน้ำเพียงพอในการเจริญเติบโตของกิ่งแตกยอดใหม่

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๔๘ นิสิต คณะวิทยาศาสตร์ ม.พะเยา คว้านักสื่อสารวิทยาศาสตร์ดีเด่น เวทีระดับชาติ YTSA#20
๑๗:๑๗ เฮอร์บาไลฟ์ ประเทศไทย ส่งเสริมสุขภาพคนไทย ร่วมกิจกรรมงานเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพ FDA Running 2025
๑๗:๑๐ เซ็นทรัลพัฒนา เรซซิเด้นซ์ ตอกย้ำความสำเร็จพาบ้านและคอนโดเซ็นทรัล คว้ารางวัลใหญ่ Thailand Top Company Awards 2025 พร้อมเผย บ้านนิรดา โครงการลักชัวรี่ ปักหมุด 3
๑๗:๑๒ เอ็ด ชีแรน Ed Sheeran กลับมาซิงเกิล Azizam เปิด Era ใหม่อย่างเป็นทางการ
๑๗:๐๐ ผู้ถือหุ้น BCPG อนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลัง ปี 2567 หุ้นละ 0.18 บาท
๑๖:๐๐ กิฟฟารีน แนะนำไอเทมเด็ด Giffarine Bio Herbal Deep Cleanse Shampoo สำหรับดีท็อกซ์เส้นผมและหนังศีรษะ
๑๖:๕๔ รักใครไม่ไหว เพลงเศร้าใจเจ็บ หวนกลิ่นอายร็อกยุค 2000 ผลงานล่าสุดจาก Three Man Down
๑๖:๐๓ ไอคอนสยาม ขอเชิญร่วมค้นหา สำรวจ และตีความ ความเป็นไทย ผ่านงานศิลปะในมุมมองของศิลปินรุ่นเยาว์ จากมหาวิทยาลัยเพาะช่างฯ วันนี้ - 16 เมษายน
๑๖:๑๔ B.Grimm Power จับมือครั้งสำคัญกับ SCGC สู่เป้าหมาย Net Zero ยกระดับโรงไฟฟ้าด้วยดิจิทัลโซลูชันอัจฉริยะ DRS by REPCO NEX
๑๖:๐๐ Chang Canvas Social Brewhouse ใหม่ กลางใจเมือง เสิร์ฟประสบการณ์สุด unique ระดับ ICONIC รับสงกรานต์