“โครงการฯ ได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน อาทิ หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพ (JCC) บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) โดยมีปณิธานเดียวกันคือการมุ่งหวังให้เยาวชนไทยได้บริโภคอาหารที่มีคุณค่าตามหลักโภชนาการ จึงผลักดันให้เด็กนักเรียนสามารถมีโอกาสเลี้ยงไก่ไข่เพื่อเป็นอาหารกลางวัน ที่ไม่เพียงทำให้ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญแก่ชุมชนระแวกข้าง ที่สำคัญยังสามารถสร้างรายได้ ซึ่งทำให้นักเรียนรู้สึกถึง “คุณค่าตนเอง” สิ่งนี้จะเป็นแรงกระตุ้นให้เยาวชนเติบโตอย่างมีคุณภาพอย่างสมบูรณ์แบบ” นายสุปรี กล่าว
นายสุปรี กล่าวอีกว่า โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ริเริ่มตั้งแต่ปี 2532 ซึ่งปัจจุบันมีโรงเรียนร่วมโครงการแล้ว 450 โรงเรียน ช่วยให้เด็กนักเรียนกว่า 80,000 คน พ้นจากภาวะทุพโภชนาการจากการได้รับโปรตีนและสารอาหารจำเป็นจากไข่ไก่ โครงการนี้เป็นที่ยอมรับว่าสามารถช่วยแก้ปัญหาภาวะโภชนาการต่ำของเด็กไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งแก้ปัญหาภาวะทุพโภชนาการในเด็ก เนื่องจากพบว่ามีนักเรียนระดับประถมศึกษาเป็นจำนวนมากขาดแคลนอาหารกลางวัน หรือมีอาหารกลางวันในปริมาณไม่เพียงพอหรือมีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ ทำให้ภาวการณ์เจริญเติบโตของเยาวชนไทยไม่เป็นไปตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข
ในปี 2557 นี้ ซีพีเอฟและมูลนิธิฯ ตั้งได้เป้าขยายการส่งเสริมการเลี้ยงไก่ไข่เพิ่มปีละประมาณ 50 แห่ง โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ ครบ 500 โรงเรียน ในเดือน พฤษภาคม 2558 และยังคงเดินหน้าขยายโครงการไปอย่างต่อเนื่อง
สำหรับโรงเรียนที่สนใจเข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน สามารถติดต่อขอข้อมูลรายละเอียดโครงการได้ที่ มูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบทฯ 313 อาคารซีพีทาวเวอร์ ชั้น 25 ถนนสีลม โทรศัพท์ 0-2698-2727 โทรสาร 0-2638-2716 หรือดาวน์โหลดเอกสารการรับสมัคร หลักเกณฑ์ และหลักการที่เว็บไซต์ www.rurallives.org./