และเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ปี 2558เป็นต้นไป การแข่งขันด้านบุคลากรในเขตเศรษฐกิจอาเซียนจะทวีความรุนแรงขึ้นดร.ฑิตติมา วิชัยรัตน์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษากล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา กองทุนฯ ได้ส่งเสริมสนับสนุนให้นักเรียน
นักศึกษา กู้ยืมเงินกองทุน กรอ.เพื่อเรียนในสาขาที่เป็นความต้องการหลักของตลาดแรงงานซึ่งเมื่อจบการศึกษา โอกาสที่จะมีงานทำค่อนข้างสูง
และสามารถแข่งขันทัดเทียมกับบุคลากรจากประเทศต่างๆ ในอาเซียนได้แต่อย่างไรก็ตาม หากนักเรียน นักศึกษา ที่อยู่ในครอบครัวที่ยากจน
และไม่ประสงค์จะเรียนในสาขาที่เป็นความต้องการหลักของตลาดแรงงานก็สามารถกู้ยืมเงินกองทุน กยศ. ได้เช่นกันแต่ก็อาจมีปัญหาเรื่องการมีงานทำ ดังนั้น คุณภาพของนักเรียน นักศึกษาจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการแข่งขันในอนาคต ด้วยเหตุนี้ กองทุนฯจึงได้กำหนดหลักเกณฑ์การคัดกรองผู้กู้ยืมขึ้นในเรื่องคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่น้อยกว่า 2.00 ทุกภาคการศึกษาและต้องเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาในแต่ละภาคการศึกษาแต่หากคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด นักเรียน นักศึกษาก็อาจเข้าศึกษาสายวิชาชีพ ปวช. ปวส. แทนได้ ซึ่งหากจะกู้ กยศ.ก็จะไม่มีการคัดคะแนนเฉลี่ยตอนแรกเข้า หลักสูตรวิชาเน้นภาคปฏิบัติซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในเศรษฐกิจอาเซียนมากในขณะนี้กองทุนฯ ขอเรียนว่า
ถ้าหากยังปล่อยให้การกู้ยืมเป็นไปได้โดยง่ายเหมือนในอดีต ก็จะเกิดผลเสียในเรื่องคุณภาพของนักเรียน นักศึกษาเองและเมื่อเรียนจบในสาขาที่ต้องแข่งขันสมัครงานสูง ผลที่ตามมาคือผู้กู้ไม่มีงานทำหรือมีงานทำแต่เงินเดือนน้อยไม่สามารถชำระเงินคืนกองทุนฯ ได้ ดังที่เป็นข่าวอยู่ในปัจจุบันซึ่งทางกองทุนฯ ในฐานะหน่วยงานของรัฐก็ต้องมีหน้าที่ดำเนินการติดตามผู้กู้ยืมกลุ่มนี้ตามขั้นตอนของกฎหมายผู้จัดการกองทุนฯ กล่าวในที่สุด