ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร และแนวโน้ม “บ. จีเอฟพีที” ที่ “BBB+/Stable”

ศุกร์ ๐๓ ตุลาคม ๒๐๑๔ ๑๕:๑๖
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานของบริษัทในธุรกิจอุตสาหกรรมไก่ของประเทศไทย ตลอดจนการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรในกลุ่มธุรกิจไก่ และนโยบายการเลี้ยงไก่ในฟาร์มของตนเอง ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการที่บริษัทพึ่งพิงธุรกิจไก่เพียงอย่างเดียว รวมถึงความผันผวนตามวัฏจักรของอุตสาหกรรมไก่ ตลอดจนความเสี่ยงจากโรคระบาด และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีนำเข้าของประเทศผู้นำเข้าสินค้าด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงดำรงความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมไก่ในประเทศไทย โดยนโยบายการให้ความสำคัญในการส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปน่าจะช่วยลดความผันผวนของราคาสินค้าพื้นฐานภายในประเทศได้บางส่วน

บริษัทจีเอฟพีทีก่อตั้งในปี 2524 โดยกลุ่มตระกูลศิริมงคลเกษม ปัจจุบันบริษัทมีสถานะเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจไก่แบบครบวงจรของไทย ณ เดือนมีนาคม 2557 ตระกูลศิริมงคลเกษมถือหุ้นในสัดส่วน 56% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนมกราคม 2535 โดยเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับไก่แบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่อาหารสัตว์ ไก่เป็น เนื้อไก่สด ไก่แช่แข็ง และเนื้อไก่ปรุงสุก โดยไก่เนื้อ รวมทั้งไก่พ่อแม่พันธุ์และปู่ย่าพันธุ์จะถูกเลี้ยงในฟาร์มของบริษัททั้งหมด การดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรส่งผลให้สินค้าของบริษัทได้มาตรฐานในระดับสากลสำหรับการส่งออกทั้งในด้านความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับ ในช่วงระหว่างปี 2556 ถึง 6 เดือนแรกของปี 2557 รายได้จากการจำหน่ายไก่เป็นและเนื้อไก่สดคิดเป็นสัดส่วน 46% ของรายได้รวมของบริษัท ตามมาด้วยอาหารสัตว์ 30% และอาหารปรุงสุก 24% รายได้จากการจำหน่ายสินค้าภายในประเทศคิดเป็น 80% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2556 ถึง 6 เดือนแรกของปี 2557 ในขณะที่รายได้จากการส่งออกมีสัดส่วน 20% โดยประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรปและญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกหลักของบริษัท

บริษัทขยายกิจการโดยการร่วมทุนกับคู่ค้าต่างประเทศเพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย โดยถือหุ้น 49% ใน บริษัท แม็คคีย์ ฟู้ด เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด (McKey) และถือหุ้น 49% ใน บริษัท จีเอฟพีที นิชิเร (ประเทศไทย) จำกัด (GFN) McKey เป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไก่ให้แก่ร้านแม็คโดนัลด์ในประเทศไทยและประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นิชิเรซึ่งเป็นผู้ร่วมทุนใน GFN เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจหลากหลายในประเทศญี่ปุ่นโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดอาหารแช่แข็งในประเทศญี่ปุ่นในสัดส่วน 21% ในปี 2556 บริษัทจีเอฟพีทีเป็นผู้ส่งออกไก่รายใหญ่อันดับ 7 ของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดราว 4% ของปริมาณส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ของประเทศไทยในปี 2556 ในขณะที่บริษัทร่วมทุนทั้ง 2 แห่งมีส่วนแบ่งการส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่แห่งละ 3%-4% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทร่วมทุนทั้ง 2 แห่งให้ส่วนแบ่งกำไรรวม 163 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 13.2% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัท

การให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปและไก่ปรุงสุกสำหรับการส่งออกช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าของบริษัท นอกเหนือจากการส่งออกโดยตรงแล้ว บริษัทยังจำหน่ายเนื้อไก่ชำแหละให้แก่โรงงานของบริษัทร่วมทุนเพื่อการส่งออกและโรงงานแปรรูปเนื้อไก่อื่น ๆ ด้วย ระหว่างปี 2556 ถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2557 รายได้ของผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปและปรุงสุกสำหรับการส่งออกโดยตรงและทางอ้อมคิดเป็นประมาณ 30% ของรายได้รวมของบริษัท

หลังจากประสบกับภาวะตกต่ำอย่างหนักในปี 2555 อุตสาหกรรมไก่ในประเทศไทยก็เริ่มปรับตัวดีขึ้นในปี 2556 และในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 เนื่องมาจากปริมาณความต้องการไก่เพื่อการส่งออกที่เติบโตอย่างมาก กอรปกับภาวะอุปสงค์และอุปทานไก่ในประเทศที่เริ่มเข้าสู่ภาวะสมดุลอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาขายไก่ทั้งส่งออกและภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้น รายได้ของบริษัทเติบโตเป็น 16,699 ล้านบาทในปี 2556 หรือเพิ่มขึ้น 8.6% จาก 15,370 ล้านบาทในปี 2555 โดยมีสาเหตุจากราคาขายที่สูงขึ้นและปริมาณส่งออกไก่ที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทส่งออกไก่โดยตรงรวม 22,461 ตันในปี 2556 เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2555 นอกจากนี้ ปริมาณขายไก่เป็นที่ส่วนใหญ่ขายให้แก่ GFN ซึ่งเป็นผู้ส่งออกไก่ก็เติบโต 8% ในปี 2556 อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 6.5% ในปี 2555 เป็น 13.7% ในปี 2556 ซึ่งเป็นผลจากสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าสูง ราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้นและราคาอาหารสัตว์ที่ปรับตัวลดลง ส่งผลทำให้ EBITDA ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 2,200 ล้านบาทในปี 2556 จากระดับ1,500-1,900 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2551-2554 ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 ราคาขายไก่ส่งออกและไก่ในประเทศที่อยู่ในระดับสูงยังคงผลักดันให้ผลการดำเนินงานของบริษัทดีอย่างต่อเนื่อง ยอดขายของบริษัทเติบโต 7.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 อยู่ที่ระดับ 8,517 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาขายของเนื้อไก่ส่งออกที่เพิ่มขึ้นและรายได้จากการขายไก่เป็นให้ GFN ที่สูงขึ้น โดยรายได้จากผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปและปรุงสุกสำหรับการส่งออกโดยตรงและการส่งออกทางอ้อมของบริษัทในช่วงเดียวกันของปี 2557 เพิ่มขึ้น 10.4% มาอยู่ที่ระดับ 2,466 ล้านบาท ในขณะที่ปริมาณขายเนื้อไก่แปรรูปและไก่ปรุงสุกในตลาดที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกเพิ่มขึ้น 2% หรืออยู่ที่จำนวน 19,391 ตัน การส่งออกเนื้อไก่สดที่เพิ่มสูงขึ้นช่วยชดเชยปริมาณเนื้อไก่ชำแหละส่งออกทางอ้อมของบริษัทที่ลดลง ความต้องการเนื้อไก่สดจากต่างประเทศปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากหลังจากประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรปและญี่ปุ่นได้ยกเลิกการห้ามนำเข้าเนื้อไก่สดแช่แข็งจากประเทศไทย รายได้จากการขายไก่เป็นให้ GFN ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 10.9% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 14.6% เมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 9.5% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 โดยอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งนั้นเกิดจากการที่ราคาขายไก่ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและต้นทุนอาหารสัตว์ที่ค่อนข้างทรงตัว EBITDA ของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 มาอยู่ที่ 1,237 ล้านบาท การเติบโตในตลาดส่งออกส่งผลทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมทุนเติบโตด้วยเช่นกัน โดยบริษัทร่วมทุน GFN และ McKeys นำส่งผลกำไรตามวิธีส่วนได้เสียให้แก่บริษัทจำนวน 163 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 เพิ่มขึ้นจาก 93 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในส่วนที่เหลือของปีจะยังคงอยู่ในระดับที่ดีโดยได้รับอานิสงส์จากราคาไก่ในประเทศที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงและความต้องการส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ของไทยที่ยังคงแข็งแกร่ง ประกอบกับต้นทุนอาหารสัตว์ที่ไม่ผันผวนมากนัก ปัญหาเรื่องความปลอดภัยด้านอาหารในประเทศจีนเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจผลักดันให้ความต้องการผลิตภัณฑ์เนื้อไก่จากประเทศไทยเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการทยอยยกเลิกการห้ามนำเข้าไก่สดแช่แข็งจากประเทศไทยของหลายประเทศ ทำให้ความต้องการบริโภคไก่ไทยในต่างประเทศยังคงเพิ่มขึ้น การเติบโตของตลาดส่งออกจะสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทและบริษัทร่วมทุนทั้งสองยังคงดีอย่างต่อเนื่อง

งบดุลของบริษัทยังคงมีความแข็งแกร่ง อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนปรับตัวดีขึ้นจาก 49.4% ในปี 2555 มาอยู่ที่ระดับ 36.1% ในปี 2556 ณ เดือนมิถุนายน 2557 อัตราส่วนดังกล่าวยังคงปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับ 34.6% สาเหตุหลักมาจากความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น ตลอดจนความต้องการเงินทุนหมุนเวียนที่ลดลง และภาระการลงทุนที่ไม่สูง อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 61.8% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557

ในช่วงปี 2557-2559 บริษัทมีแผนลงทุนประมาณปีละ 1,000 ล้านบาท โดยเป้าหมายของแผนการลงทุนส่วนใหญ่เพื่อขยายฟาร์มไก่เนื้อและไก่พ่อแม่พันธุ์ ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะมี EBITDA ปีละประมาณ 2,500-3,000 ล้านบาท ดังนั้น กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทจึงมีเพียงพอที่จะรองรับแผนการลงทุนของบริษัท

บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) (GFPT)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕ พ.ย. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เปิดตัว HOP NextGen ชวนนักศึกษาเยี่ยมชม ฮ็อป อินน์ เรียนรู้เทคนิคบริการแบบ Consistency is Yours พร้อมพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่
๑๕ พ.ย. คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เปิดแคมเปญ THE POWER OF FUNTASTIC CELEBRATION 2025 ฉลองทุกความสุข สนุกไม่รู้จบ
๑๕ พ.ย. พันธุ์ไทย ชวนแฟนด้อม คัลแลนและพี่จอง จุ่ม การ์ดพันธุ์ไทยใจฟู ลิมิเต็ด อิดิชั่น
๑๕ พ.ย. BAM ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ DIGITAL ENTERPRISE ตอกย้ำผู้นำ AMC ยุค 4.0 วางเป้าหมายยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมส่ง อิสระ เดอะซีรีส์ ชวนลูกหนี้ BAM
๑๕ พ.ย. บางจากฯ ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนอันดับสูงสุดของโลก จาก SP Global 2024 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil Gas Refinery and
๑๔ พ.ย. ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ออกบูธให้ความรู้เรื่องการใช้งานระบบดับเพลิงนร. พระหฤทัยนนทบุรี
๑๒ พ.ย. พนักงานซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล รับรางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่น
๑๕ พ.ย. PROSPECT REIT ชูไตรมาส 3/67 โตเกินเป้า อัตราการเช่าพุ่งนิวไฮ หนุนจ่ายปันผลเด่น 0.2160 บาท
๑๕ พ.ย. CHAO ประกาศงบ Q3/67 กำไรพุ่งกว่า 62% รับตลาดส่งออกพีค จีนโตเด่น แย้ม Q4 เดินหน้าบุกตลาดในประเทศ สินค้าใหม่หนุนยอดขายปลายปี
๑๕ พ.ย. ฉลองเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2567 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ