นายรัชต์ โสดสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปเป็นเวลานานระยะหนึ่งเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างมั่นคง และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ กอปรกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวลงในบางช่วงจังหวะ ทำให้เงินลงทุนมีการเคลื่อนไหวตามปัจจัยเศรษฐกิจ ทางบริษัทฯ มองว่าแนวโน้มของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรตลาดต่างประเทศน่าจะยังไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะใกล้ และปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยให้ปรับตัวในทิศทางเดียวกัน
สำหรับปีหน้าบริษัทฯ ประเมินว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศมีแนวโน้มทรงตัวจนถึงครึ่งปีแรก ของปี 2558 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวเร็วอย่างที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจโดยประเมินตัวเลขเศรษฐกิจในปี 2558 จะขยายตัวลดลงอยู่ที่ 4.8% จากเดิมที่คาดไว้เมื่อกลางปี 2557 อยู่ที่ 5.5% สังเกตได้จากตัวเลขการส่งออกนำเข้าที่ลดลงค่อนข้างมาก โดยตัวเลขการส่งออกเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาติดลบ 7.4% ตัวเลขนำเข้าติดลบ 14.2% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเดือนกันยายน อยู่ที่ 1.75% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.73% และมีอัตราเงินเฟ้อ 9 เดือนแรก อยู่ที่ระดับ 2.15% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำเช่นกัน ดังนั้น ประเมินว่าการพิจารณาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะอยู่ในช่วงไตรมาส 3/ 2558 เป็นต้นไป
“อุปทานของพันธบัตรในไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2558 มีปริมาณลดลง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง เนื่องจากความต้องการในตลาดยังมีอยู่ โดยเฉพาะจากสถาบันในประเทศ จากปัจจัยดังกล่าว บริษัทฯ มองว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยมีโอกาสปรับตัวลดลงหรือทรงตัว ดังนั้น จึงแนะนำให้ผู้ลงทุนลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาว เพื่อรับผลตอบแทนที่ดีกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น อีกทั้งยังได้รับประโยชน์จากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีโอกาสปรับตัวลดลงตามปัจจัยเศรษฐกิจ” นายรัชต์กล่าว
นายรัชต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ระหว่างวันที่ 9-16 ตุลาคม นี้ บริษัทฯ จะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัสไทยบอนด์ (ASP-THBOND) ซึ่งเป็นกองทุนเปิดไม่กำหนดอายุโครงการ มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากในประเทศ มีกลยุทธ์การลงทุนในตราสารที่ผู้ออกตราสารมีความมั่นคง มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีสภาพคล่อง โดยตราสารหรือผู้ออกตราสารได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ Investment Grade โดยเลือกกลยุทธ์การลงทุนสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Alpha Generation Strategy) และลงทุนในหุ้นกู้ภาคเอกชน Investment Grade ที่มีอายุเฉลี่ยของการลงทุนประมาณ 2-3 ปี ซึ่งบริษัทฯ เล็งเห็นว่า หุ้นกู้ประเภทดังกล่าว ยังมี Credit Spread ที่ให้ผลตอบแทนดี โดยกองทุน ASP-THBOND ผู้ลงทุนสามารถซื้อได้ทุกวันทำการ และขายคืนได้ทุกรอบ 6 เดือน
“กองทุน ASP-THBOND เหมาะกับผู้ลงทุนทั่วไปที่ต้องการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากหรือพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2-3 ปี ซึ่งผู้ลงทุนที่สนใจเข้าลงทุนในกองทุนดังกล่าว บริษัทฯ ขอแนะนำให้ผู้ลงทุนถือหน่วยลงทุนในระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน” นายรัชต์กล่าว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมรับหนังสือชี้ชวน ได้ที่ Asset Plus Call Center 02-672-1111