กรุงเทพฯ--2 ส.ค.--กทม.
เมื่อวันที่ 28 ก.ค.48 เวลา 09.00 น. ที่สำนักงานเขตบางกะปิ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดศูนย์ส่งเสริมการบริหารเงินออมครอบครัว สำนักงานเขตบางกะปิ โดยมีนางนินนาท ชลิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนัก ยุทธศาสตร์และประเมินผล นายกระมล โอฬาระวัต รองผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม นายประวิทย์ พันธุ์วิโรจน์ ผู้อำนวยการ เขตบางกะปิ ผู้เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่ร่วมพิธี
ศูนย์ส่งเสริมการบริหารเงินออมครอบครัวจัดตั้งขึ้น โดยได้รับความร่วมมือจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน ธนาคารออมสิน สมาคมประกันชีวิตไทย และสถานธนานุบาล กทม. ซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความพร้อมด้านบุคลากร เพื่อให้คำปรึกษาแก่ประชาชนอันเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนกลุ่มผู้มีรายน้อยถึงปานกลาง รู้จักใช้เงินเป็น บริหารเงินได้ มีเงินเหลือเก็บออมเพื่อสร้างความมั่นคงให้ครอบครัว โดยกทม.มีเป้าหมายจะจัดตั้งศูนย์ฯดังกล่าวขึ้น ณ สำนักงานเขต 12 เขต เป็นโครงการนำร่อง กระจายในพื้นที่ 12 กลุ่มโซน เพื่อให้ประชาชนในเขตต่างๆ ใช้บริการ ปัจจุบันกรุงเทพมานครได้เปิดศูนย์เงินออมฯ แล้วที่สำนักงานเขตพญาไท หลักสี่ สาทร พระโขนง ลาดกระบัง บางบอน พระนคร และบางกะปิ ในอนาคตกรุงเทพมหานครจะเปิดศูนย์ดังกล่าว ที่สำนักงานเขตต่างๆ ได้แก่ บางพลัด ภาษีเจริญ คลองสามวา และบางแค ทั้งนี้ศูนย์ส่งเสริมการบริหารเงินออมครอบครัว ได้จัดบริการตรวจสุขภาพทางการเงิน ในรูปแบบสมุดฉีก และแผ่นพับ ซึ่งมีต้นขั้วเก็บข้อมูลรายละเอียด ให้ประชาชนกรอกเพื่อตรวจสอบสถานะทางการเงินของตนในเบื้องต้นว่าเป็นอย่างไร มีรายได้พอใช้ หรือเหลือเก็บหรือไม่ การบริหารเงินเหมาะสมแล้วหรือไม่ เป็นต้น เพื่อนำมาวิเคราะห์ผล และรับคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากการที่ได้เคยสนทนากับผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลังของประเทศหลายคนมีความเห็นตรงกันว่า การออมเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาประเทศโดยเฉพาะในชุมชนเมืองขนาดใหญ่ซึ่งมักประสบปัญหาทางด้านสังคม เนื่องจากปัญหาทางสังคมหลายปัญหามีจุดเริ่มต้นมาจากปัญหาเศรษฐกิจในครอบครัว อาทิ การฉกชิงวิ่งราว การจี้ปล้น ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว เป็นต้น การส่งเสริมให้ประชาชนได้น้อมนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริมาใช้ โดยส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักการเก็บออมจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน แม้รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชน ใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องไม่ลืมส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักการเก็บออม อย่างไรก็ดีการส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักการเก็บออมนี้ต้องเริ่มปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งตนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่หลายโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครส่งเสริมให้เด็กนักเรียนของกทม. ได้เรียนรู้การเก็บออมผ่านกิจกรรมสหกรณ์ออมทรัพย์ของโรงเรียน สำหรับศูนย์ส่งเสริมการบริหารเงินออมครอบครัวนี้ เบื้องต้นกรุงเทพมหานครกำหนดเปิดดำเนินการในเขตนำร่อง 12 เขต ตามจำนวนกลุ่มเขต ซึ่งคาดว่าจะเปิดครบทั้ง 12 แห่ง ภายในเดือน ส.ค.48 และมีเป้าหมายที่จะเปิดศูนย์ฯ เพิ่มเติมอีก 12 แห่งภายในปี 48 นี้เช่นกัน นอกจากนี้กรุงเทพมหานครจะส่งเสริมให้ประชาชน ชาวกรุงเทพฯ ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายในครัวเรือน โดยจะเริ่มต้นจากข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานต่างๆ ในสังกัดกรุงเทพมหานครทุกคน ซึ่งมีจำนวนประมาณ 1 แสนคน โดยจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 5 ธ.ค. 48 นี้ และภายใน 12 เดือนนับจากนี้จะส่งเสริม ให้ชาวกรุงเทพฯ ทำบัญชีดังกล่าวให้ได้ 1 ล้านบัญชีต่อไป--จบ--