นายประเสริฐ ภัทรดิลก กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้น บริษัท ไฟร์วิคเตอร์ จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทฯได้ขออนุญาตเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งแบบไฟล์ลิ่งของบริษัทฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ บมจ. ไฟร์วิคเตอร์ ได้ยื่นแบบคำเสนอขายหลักทรัพย์ต่อ ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก จำนวน 90 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.71% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 175 ล้านบาท โดยทุนที่ออกจำหน่ายและชำระแล้วมีจำนวน 130 ล้านบาท แบ่งเป็นจำนวนหุ้น 260 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
บมจ.ไฟร์วิคเตอร์ ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์วาล์ว และอุปกรณ์ดับเพลิง วาล์วและอุปกรณ์ระบบสุขาภิบาลและปรับอากาศ รวมทั้งการให้บริการงานติดตั้งระบบดับเพลิง ซึ่งบริษัทฯ จำหน่ายสินค้าที่มีความหลากหลาย มากกว่า 3,000 รายการ ภายใต้ตราสินค้าที่มีชื่อเสียง มากกว่า 25 ตราสินค้า ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่าย 16 ตราสินค้า โดยเป็นตัวแทนสินค้ารายเดียว (Sole Distributor) ให้กับตราสินค้า Potter Electric และ Weiss และเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าหลักให้แก่ตราสินค้าที่มีชื่อเสียงอื่นๆ อีก 14 ตราสินค้า ตลอดจนมีตราสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯเองอีก 3 ตราสินค้า
“ ภายหลังจากที่ ก.ล.ต.อนุญาตให้บริษัทฯเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนและแบบแสดงรายการข้อมูลมีผลบังคับแล้ว บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส และ บมจ. ไฟร์วิคเตอร์จะกำหนดวันเสนอขายหุ้นให้กับประชาชน ก่อนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ในไตรมาส 4 ของปีนี้ สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จะนำไปใช้ในการขยายการลงทุนเปิดสำนักงานสาขาในต่างจังหวัด เพื่อรองรับการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างใกล้ชิด
รวมถึงการลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการบริหารจัดการด้านต่างๆ ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้ชำระคืนหนี้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯ โดยบริษัทวางแผนที่จะเพิ่มการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าในระบบดับเพลิงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขยายกิจการไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน พร้อมทั้งยังมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้ ” นายประเสริฐ กล่าว
ด้าน นายวิรัฐ สุขชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟร์วิคเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯเป็นผู้ดำเนินธุรกิจนำเข้าและผู้แทนจำหน่ายสินค้าคุณภาพจากสหรัฐและยุโรป เกี่ยวกับอุปกรณ์สำหรับดับเพลิงด้วยน้ำ น้ำยาโฟม ก๊าซและสารเคมี พร้อมทั้งอุปกรณ์สำหรับการตรวจสอบและเตือนภัยที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน รวมทั้งระบบสุขาภิบาลและระบบปรับอากาศครบวงจร
โดยแบ่งผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯเป็น 3 ประเภท คือ 1) วาล์วและอุปกรณ์ระบบดับเพลิง โดยจำหน่ายวาล์วและอุปกรณ์ดับเพลิงทุกชนิด ทั้งข้อต่อ สวิสซ์แจ้งสัญญาณ ระบบสปริงเกอร์ดับเพลิง ตู้สายฉีดน้ำดับเพลิง เครื่องดับเพลิง 2) วาล์วและอุปกรณ์ระบบสุขาภิบาลและปรับอากาศ โดยจำหน่ายวาล์วเปิดปิดน้ำ สวิสซ์ตรวจจับการไหลของน้ำ อุปกรณ์วัดความดันและอุณหภูมิ อุปกรณ์ควบคุมในระบบปรับอากาศ และ 3) งานโครงการติดตั้งระบบดับเพลิง ให้คำปรึกษา ออกแบบ และติดตั้งระบบดับเพลิงต่างๆ ทั้งระบบโฟมดับเพลิง และระบบดับเพลิงอัตโนมัติด้วยแก๊ส
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีคลังสินค้า อีก 2 แห่ง โดยคลังสินค้าหลัก เป็นคลังเพื่อเก็บผลิตภัณฑ์วาล์ว และอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งใช้เป็นพื้นที่แปรรูปสินค้า อาทิ การประกอบชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ตามคำสั่งซื้อ ส่วนคลังสินค้าแห่งที่สอง เพื่อใช้เป็นพื้นที่จัดเก็บสารเคมีอันตรายที่สั่งซื้อจากผู้ผลิต และรอการจัดส่งให้แก่ลูกค้า หรือนำไปใช้ในงานโครงการติดตั้งระบบดับเพลิงให้แก่ลูกค้า ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตของรายได้โตตามอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง เฉลี่ยประมาณ 15% ต่อปี
กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไฟร์วิคเตอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดอุปกรณ์ระบบดับเพลิง ยังคงมีอัตราการเติบโต อีกมาก เนื่องจากในปัจจุบันมีความต้องการเพิ่มขึ้นมาก ทั้งในหน่วยงานภายในองค์กร ภาคครัวเรือน ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายเพื่อคุมเข้ม เรื่องระบบรักษาความปลอดภัยด้านอัคคีภัยมีสูงขึ้น ทำให้บริษัทฯ เชื่อว่าตลาดอุปกรณ์ระบบดับเพลิงหลังจากนี้ต่อไปมีโอกาสขยายตัวตามดีมานด์ความต้องการของผู้บริโภคที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต พร้อมกันนี้บริษัทฯมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มอาเซียนมากขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างแผนศึกษาการทำตลาดในประเทศพม่า และ กัมพูชา
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯในช่วงที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตก้าวกระโดด ตามดีมานด์ความต้องการใช้ขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง โดยจะเห็นได้จากผลการดำเนินงานบริษัทฯในปี2554 – 2556 และงวด 6 เดือนแรกของปี 2557 โดยในปี 2554 มีรายได้รวม 381.23 ล้านบาท กำไรสุทธิ 40.36 ล้านบาท ปี 2555 มีรายได้รวม 495.75 ล้านบาท กำไรสุทธิ 58.95 ล้านบาท ปี 2556 มีรายได้รวม 521.26 ล้านบาท กำไรสุทธิ 61.16 ล้านบาท และในงวด 6 เดือนแรกของปี2557 มีรายได้รวม 276.52 ล้านบาท กำไรสุทธิ 30.52 ล้านบาท
ในส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ ก่อนและหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก กลุ่มครอบครัวชาญณรงค์ (ประกอบด้วยนางสิริมา เอี่ยมสกุลรัตน์ ถือหุ้นร้อยละ 13.49, นายเจน ชาญณรงค์ ถือหุ้นร้อยละ 13.07, นางประยูรศรี ชาญณรงค์ ถือหุ้นร้อยละ 0.35 และ Nice Noble Limited ถือหุ้นร้อยละ 12.70) ถือหุ้นรวมกันจำนวน 102.99 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 39.61 หลังจากการเสนอขาย IPO สัดส่วนการถือหุ้นลดลงเหลือ ร้อยละ29.43 และกลุ่มสุขชัย ถือหุ้นจำนวน 101.92 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 39.20 หลังจากการเสนอขาย IPO สัดส่วนการถือหุ้นลดลงเหลือ ร้อยละ 29.12