พลเอกวินัย ภัททิยกุล ประธานกรรมการ บริษัท มิลล์คอนสตีล จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างการเงินและโครงสร้างธุรกิจให้มีความแข็งแกร่ง เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท รวมทั้งได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากธนาคารกรุงเทพวงเงินรวม 7,000 ล้านบาท สำหรับการเตรียมพร้อมเงินทุนดังกล่าว ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับการซื้อสินทรัพย์ของบริษัทอุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด หรือ ทีเอสเอสไอ หลังจากที่บริษัทชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์จากกรมบังคับคดี รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคตด้วยเป้าหมายในการเป็นผู้นำการผลิตเหล็กเกรดพิเศษ ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้บริษัทเพิ่งประสบความสำเร็จในการทดสอบการหลอมเหล็กเกรดพิเศษ
พลเอกวินัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากเดิมที่บริษัทมีฐานการตลาดอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมการก่อสร้างเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบันบริษัทมีการพัฒนาสินค้าจนได้เป็นเหล็กแท่งยาวเกรดพิเศษ เพื่อขยายฐานการตลาดไปสู่ตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเหล็กแท่งยาวเกรดพิเศษนี้เอง ที่เป็นวัตถุดิบที่ป้อนให้กับ ทีเอสเอสไอ เพื่อรีดเป็นเหล็กลวด (Wire Rod) ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตชิ้นส่วนที่ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ถือเป็นการเปิดตลาดใหม่ และสร้างรากฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของกลุ่มบริษัทอย่างมั่นคง และยั่งยืนต่อไปในอนาคต
“การปรับโครงสร้างของมิลล์คอนในครั้งนี้ จะสร้างความแข็งแกร่งในอนาคต ธุรกิจจะมีการเติบโตที่ยั่งยืน ฐานะการเงินก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ โดยตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3 ปี สัดส่วนหนี้สินต่อทุนจะลดลงเหลือเพียง 1 เท่า” พลเอกวินัย กล่าว
นายวีระศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้รับผิดชอบสายลูกค้าธุรกิจรายกลาง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้กับบริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด(มหาชน) ในครั้งนี้ ด้วยเล็งเห็นถึงศักยภาพในการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคต โดยเฉพาะเป้าหมายในการเป็นผู้นำการผลิตเหล็กเกรดพิเศษ ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ และด้วยวงเงินสินเชื่อรวมกว่า 7,000 ล้านบาทนี้ ธนาคารหวังจะได้เห็นการพัฒนาศักยภาพด้านการลงทุนขยายฐานการผลิตและการตลาดในกลุ่มอุตสาหกรรมการก่อสร้างสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยศักยภาพทางการตลาดของมิลล์คอน สตีล และแนวโน้มอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธนาคารเชื่อมั่นว่า มิลล์คอน สตีล จะสามารถนำเงินที่ได้รับไปใช้ให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายการสร้างรากฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนที่ได้วางไว้