Botulinum toxin ชนิด A ทางเลือกรักษาโรคไมเกรน และอาการเคลื่อนไหวผิดปกติ

ศุกร์ ๑๗ ตุลาคม ๒๐๑๔ ๑๑:๓๐
เมื่อเอ่ยถึงคำว่า Botulinum toxin ชนิด A หรือที่คนไทยเรียกกันจนติดปาก คือ โบท็อกซ์ หลายคนอาจนึกไปถึงแวดวงศัลยกรรมและเสริมความงาม แต่ในปัจจุบันนี้โบท็อกซ์ได้เข้ามามีบทบาทในวงการแพทย์แขนงอื่นมากมาย ซึ่งที่จะกล่าวถึงในวันนี้คือ การใช้โบท็อกซ์ในการรักษาอาการโรคไมเกรน และอาการเคลื่อนไหวผิดปกติ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้ป่วย

นพ.ชาคร จันทร์สกุล อายุรแพทย์สมองและระบบประสาท กล่าวว่า อาการปวดศีรษะเป็นอาการที่มีผู้ป่วยเข้ามาปรึกษาแพทย์เป็นจำนวนมาก เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาการปวดศีรษะที่ผู้ป่วยมาปรึกษาแพทย์บ่อยที่สุดในคลินิกปวดศีรษะ คือ อาการปวดศีรษะไมเกรน สาเหตุเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม ทำให้สมองมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ หรือเกิดการอักเสบของเส้นเลือด สมอง และเส้นประสาท พบมากในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยเฉพาะในช่วงอายุ 25-55 ปี ผู้ป่วยที่มีอาการปวดศีรษะไมเกรนมักมีอาการปวดศีรษะข้างเดียว แต่อาการปวดอาจย้ายข้างหรือปวดศีรษะทั่วๆ ทั้ง 2 ข้างก็ได้ อาการปวดศีรษะอาจรุนแรงมากจนทำให้การเรียนหรือการทำงานเสียไป เพราะในขณะที่มีอาการปวดศีรษะ การเคลื่อนไหวหรือกิจวัตรประจำวันต่างๆ มักจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดมากขึ้น นอกจากนี้ยังอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือ มีอาการไม่อยากเห็นแสงจ้าและไม่อยากได้ยินเสียงดังร่วมด้วย

ปัจจุบันมีวิธีการรักษาโรคไมเกรนที่หลากหลาย ในผู้ป่วยไมเกรนมีอาการปวดศีรษะไมเกรนเรื้อรัง (chronic migraine) ที่ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะอย่างน้อย 14 วันต่อเดือนขึ้นไป การฉีดโบทูลินัมท็อกซิน (botulinum toxin) ชนิด A หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ โบท็อกซ์ (BOTOX) เป็นอีกวิธีหนึ่งที่แพทย์สามารถนำมาใช้รักษาผู้ป่วยได้ นอกจากจะช่วยให้กล้ามเนื้อมีการคลายตัวได้แล้ว ยังเชื่อว่าสารนี้สามารถยับยั้งปลายประสาทที่ส่งสัญญาณความเจ็บปวดไปยังสมองได้ด้วย การฉีดโบ ท็อกซ์จึงสามารถลดความรุนแรงของอาการปวดศีรษะ และลดความถี่ของอาการปวดศีรษะได้เป็นอย่างดีรวมทั้งทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และอาจจะไม่จำเป็นต้องรับประทานยาป้องกันอาการปวดศีรษะเป็นประจำ หรืออาจจะลดขนาดยาลงได้ ในการรักษาแต่ละครั้ง แพทย์จะฉีดที่ใบหน้าบริเวณระหว่างคิ้ว หน้าผาก ท้ายทอย ต้นคอ และบ่า เป็นจำนวน 31 จุด จากการวิจัยพบว่าสามารถลดอาการปวดลงได้ประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์ การฉีดแต่ละครั้งมีผลอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน และพบผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย

วิธีการรักษาไมเกรน นอกจากนี้การรักษาด้วยการฉีดสารโบทูลินัมท็อกซินแล้ว ยังการรักษาอื่นๆร่วมด้วย อาทิ การให้ยาป้องกัน ต้องทานติดต่อกันประมาณ 6 เดือน -1 ปี ยาจะเริ่มออกฤทธิ์หลังจากรับประทานประมาณ 2 อาทิตย์ การใช้วิตามินหรือเกลือแร่ เช่น แมกนีเซียม 400-600 มิลลิกรัมต่อวัน วิตามินบี 400 มิลลิกรัมต่อวัน โคเอนไซม์คิวเทน 150-300 มิลลิกรัมต่อวัน การใช้ยาฉีดร่วมกันหลายชนิด (Headache Cocktail) เพื่อลดอาการปวดศีรษะและการกลับเป็นซ้ำ หรือการรักษาแบบไม่ใช้ยา อาทิ การฝังเข็ม การทำกายภาพบำบัด การฝึกความผ่อนคลาย และไบโอฟีดแบค (Biofeedback) ให้เรียนรู้ถึงการควบคุมการทำงานของร่างกาย เช่น การหายใจ, อัตราการเต้นของหัวใจ, อุณหภูมิที่ปลายมือ, และการกำหนดจิต เป็นต้น ซึ่งผู้ป่วยควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ในการเลือกรูปแบบการรักษา

นพ. อภิชาติ พิศาลพงศ์ อายุรแพทย์สมองและระบบประสาท กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากโรคไมเกรนแล้ว โบทูลินัมท็อกซิน สามารถใช้รักษาโรคเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติซึ่งเป็นการรักษาที่มีข้อบ่งชี้มาก่อนการรักษาโรคไมเกรนหรือเพื่อความงาม ซึ่งโรคกลุ่มที่มีอาการบิดเกร็งของกล้ามเนื้อ (dystonia) เช่น โรคหน้ากระตุกครึ่งซีก (Hermifacial spasm) โรคหนังตาสองข้างบีบเกร็ง (blepharospasm) โรคคอบิด (cervical dystoniaหรือ torticollis) กล้ามเนื้อเกร็งจากโรคอัมพฤกษ์อัมพาต(muscle spasticity) ซึ่งสารนี้จะช่วยบรรเทาอาการเกร็งหรือกระตุกของกล้ามเนื้อใบหน้าหรือหนังตา แก้ไขคอที่เอียงผิดปรกติและลดความปวดจากการเกร็งของกล้ามเนื้อลงได้ โดยที่สารนี้จะไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อชั่วคราว โดยไปยับยั้งการปล่อยสาร acetyl choline ที่ปลายประสาทที่ต่อกับกล้ามเนื้อทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง หลังฉีดยาจะไม่ออกฤทธิ์ทันทีต้องใช้เวลา 3-4 วันและจะออกฤทธิ์สูงสุดในสัปดาห์ที่ 2 และส่วนผลของการรักษาจะอยู่ได้นานถึง 2-3 เดือนแล้วค่อยๆหมดฤทธิ์ลง ทำให้มีความจำเป็นต้องกลับมาฉีดสารนี้เป็นระยะทุก 2-3 เดือน เพราะถ้าทิ้งไว้นานอาการจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมนอกจากนี้สารนี้ยังสามารถลดการหลั่งเหงื่อบริเวณฝ่ามือและรักแร้ซึ่งเป็นต้นเหตุของกลิ่นตัวได้อีกด้วย การออกฤทธิ์ต้องทำด้วยการฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อหรือต่อมเหงื่อส่วนที่มีอาการเท่านั้น การทาสารนี้ที่ผิวหนังยาจะไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้

โดย บริษัท แมสคอท คอมมิวนิเคชั่น จำกัด 02-732-6069-70

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version