สถาบันสร้างสรรค์และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (สสสร.) มรภ. สวนสุนันทา จัดเสวนา“เดินหน้าอย่างไรให้ถูกทาง นานาทัศนะ ว่าด้วย พรบ. คุ้มครองการตลาดอาหารทารกและเด็กเล็ก”

ศุกร์ ๒๔ ตุลาคม ๒๐๑๔ ๑๖:๒๔
สถาบันสร้างสรรค์และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (สสสร.) มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เปิดเวทีเสวนาว่า “เดินหน้าอย่างไรให้ถูกทาง นานาทัศนะ ว่าด้วย พรบ. คุ้มครองการตลาดอาหารทารกและเด็กเล็ก” เชิญเหล่านักวิชาการพร้อมด้วยบรรดาคุณแม่มาร่วมถกประเด็นดัง

อาจารย์ ดร.สมเดช รุ่งศรีสวัสดิ์ รองอธิการบดี ฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาได้เปิดประเด็นที่น่าสนใจว่า “ที่คณะรัฐมนตรีไดมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับมาตรการกำกับดูแลและควบคุมการทำการตลาดและการโฆษณานมสำหรับทารกและเด็กเล็ก ก่อนอื่นเลยผมต้องบอกว่าผมสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิดจนถึงหกเดือนนะครับ และถ้าแม่คนไหนสามารถให้นมลูกได้ก็ควรให้นมลูกนานเท่าที่เป็นไปได้ ให้ยิ่งนานยิ่งดี เพราะนมแม่นั้นดีที่สุด มีประโยชน์ที่สุด อย่างลูกผมนี่เป็นเด็กที่กินนมแม่จนถึงอายุขวบกว่า

แต่ในขณะเดียวกันการนำนมผงไปเทียบกับเหล้า บุหรี่ นั้นไม่ถูกต้อง เพราะสินค้ามีลักษณะที่ต่างกัน เหล้า บุหรี่นั้นให้โทษ แต่นมผง อาหารเสริมนั้น เค้ามีการวิจัยค้นคว้า ใส่สารอาหารที่เป็นประโยชน์เข้าไปเพื่อให้นมผงมีคุณภาพที่ดี เพื่อที่จะสามารถแข่งขันได้ในตลาด”

“การทำกฎหมายสำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หลักใหญ่ใจความ คือ ทารกควรได้รับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนเป็นอย่างน้อย และเราต้องสร้างหลักประกันด้วยครับว่า หากทารกจำเป็นต้องได้รับอาหารทดแทนนมแม่ แม่ต้องได้รับข้อมูลเพียงพอ และต้องอยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง เหมาะสม เช่น กรณีคุณแม่ที่อาจจะเป็นโรคหรือมีน้ำนมไม่เพียงพอนั้น เค้าต้องการข้อมูลในการตัดสินใจว่าเค้าจะให้อาหารเสริมทดแทนกับลูกอย่างไร หรือพอหกเดือนไปแล้วแม่ต้องการเสริมอาหารให้ลูก เพราะลูกต้องการสารอาหารเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นสังกะสี ธาตุเหล็ก แม่เหล่านี้ต้องการข้อมูลในการตัดสินใจ ดังนั้นเราจะไปปิดหูปิดตาเค้าไม่ได้”

“ผมขอตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าจะไปห้ามถึงขนาดไม่ให้หมอ พยาบาล คนที่มีความรู้พูดอธิบายถึงอาหารทดแทนนมแม่นี่ ทำไม่ได้ครับ ยิ่งไปกันใหญ่ ทีนี้แม่ๆ เหล่านี้ก็ไปหาข้อมูลตามอินเตอร์เน็ต จริงบ้างเท็จบ้าง อาจส่งผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพของทารกและเด็กเล็กที่รุนแรงกว่าที่เราจะคาดเดาได้ ผมวอนขอให้ภาครัฐฯ ฟังเสียงรอบข้าง เสียงจากนักวิชาการ เสียงจากสังคม เสียงจากบรรดาคุณแม่ๆ ด้วยครับ” อาจารย์ ดร. สมเดช กล่าวเสริม

ดร.กัญญ์รัชการย์ นิลวรรณ อาจารย์ประจำ คณะคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาและคุณแม่ลูกสอง “ดิฉันมีความตั้งใจที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มาตั้งแต่ยังตั้งครรภ์โดยศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เลือกคลอดลูกที่สถานพยาบาลที่สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เมื่อคลอดลูกแล้วดิฉันก็ให้นมแม่กับลูกทั้งสองคนเอง แต่เนื่องจากดิฉันมีน้ำนมค่อนข้างน้อยไม่เพียงพอ และด้วยหน้าที่การงานที่รัดตัวจึงมีความจำ เป็นต้องเสริมนมผงด้วยอีกทาง ซึ่งก่อนจะให้นมผงนั้นก็ต้องค้นคว้าหาข้อมูลมาอย่างดี เพราะต้องการให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูก แต่เมื่อนึกถึงชาวบ้านที่อาจจะมีความรู้น้อย หากเราไปปิดกั้นข้อมูลเหล่านี้ สื่อไม่สามารถเผยแพร่ได้ บุคลากรทางการแพทย์แนะนำไม่ได้ แล้วเกิดฟังจากคนรอบข้างที่ไม่มีความรู้ กลายเป็นป้อนน้ำข้าวลูก ป้อนนมข้นหวานผสมน้ำ หรือแม้กระทั่งป้อนกล้วยครูดทั้งๆ ที่กระเพาะของน้องเค้ายังทำงานไม่ได้ไม่เต็มที่แล้วเกิดอันตรายขึ้นมา ดิฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่อันตรายมากๆ”

และในมุมมองของคุณแม่เจ้าของธุรกิจส่วนตัว นางสาวจรัสพร ตันประทุมวงษ์ “ดิฉันมีปัญหาคือ มีน้ำนมไม่เพียงพอจึงต้องพึ่งนมผงเป็นทางเลือกควบคู่ไปกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะยังไงเราก็เชื่อว่านมแม่นั้นดีที่สุด มีประโยชน์ที่สุด ดังนั้นแม้จะมีนมแม่น้อยก็ยังให้นมแม่ หมั่นปั๊มกระตุ้นทุก 3 ชั่วโมง ขยันเอาลูกเข้าเต้าเพื่อกระตุ้น แต่น้ำนมก็ยังไม่พอ และดิฉันคิดว่าในฐานะคุณแม่ ดิฉันมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับนมแม่ นมผง อาหารเสริม ฯลฯ จากบุคลากรทางการแพทย์”

บทสรุปของงานเสวนาวิชาการ นักวิชาการและคุณแม่ๆ วอนรัฐบาล และหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องควรเปิดเวทีการพูดคุย ให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาคเอกชน บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ ควบคู่กับการส่งเสริมการให้ความรู้กับมารดาเรื่องของประโยชน์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพื่อจะทำให้กฎหมายสามารถปฏิบัติได้จริง และบรรลุเป้าหมายสูงสุดในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะผู้บริโภคมีสิทธิในการรับ

ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นและสอดคล้องกับความต้องการในชีวิต นมผงนั้นไม่ใช่ผู้ร้าย ไม่ใช่สารเสพติด การจะยึดแนวคิดเดียวกับเหล้า บุหรี่นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ?

สำหรับสื่อมวลชน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง จำกัด

โทร. 0 2718 1886 ต่อ 150 และ 109

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ