มหกรรมหนังสือฯประสบความสำเร็จล้นหลาม นักอ่านกว่า 2.8 ล้านคนเข้าร่วมงาน เพิ่มขึ้น6.46 % รายได้สะพัดราว 700 ล้านบาท

จันทร์ ๒๗ ตุลาคม ๒๐๑๔ ๑๖:๐๑
หนังสือจากโลกออนไลน์ ท่องเที่ยว พัฒนาตัวเอง และหนังสือสำหรับเด็กเล็กมาแรง เสนอโครงการคูปองปัญญาแก่รัฐบาล กระจายการอ่านสู่ทุกครอบครัว พร้อมจัดงบการอ่านเป็นงบประมาณประจำปีแต่ละจังหวัด และรณรงค์มอบหนังสือเป็นของขวัญช่วงปีใหม่ หวังกระตุ้นอุตสาหกรรมหนังสือ

นายจรัญ หอมเทียนทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT)ให้สัมภาษณ์ถึงผลสรุปรวมของ “มหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 19” ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันพุธที่ 15 ถึงวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า งานมหกรรมหนังสือฯครั้งนี้ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายทั้งในแง่ของผู้ร่วมงานและยอดขายโดยรวมของสำนักพิมพ์ต่างๆ โดยส่วนใหญ่ผู้เข้าชมงานจะเป็นเด็กและเยาวชน รองลงมาคือวัยทำงาน แม้ว่ายอดซื้อหนังสือต่อคนจะลดลงบ้างก็ตาม

“แม้ยอดการซื้อหนังสือต่อคนลดลงอย่างบ้าง จากที่เคยซื้อกันคนละประมาณ 5-10 เล่ม เหลือประมาณคนละ 3-6 เล่ม เพราะมีการไตร่ตรองมากขึ้น และจะซื้อเฉพาะเล่มที่ตัวเองต้องการจริงๆ แต่ในภาพรวมแล้วถือว่าประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย เพราะมีนักอ่านถึง 2.8 ล้านคนเข้าร่วมงาน โดยเฉพาะในวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันเสาร์อาทิตย์ ที่มีผู้ร่วมงานราว 3.5 แสนคนต่อวัน เมื่อเทียบกับมหกรรมหนังสือครั้งที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 6.46 %การอยู่รอดได้ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก” นายจรัญกล่าว

โดยเทรนด์หนังสือที่มาแรงในครั้งนี้ คือหนังสือที่นักเขียนต่อยอดผลงานของตัวเองจากโลกออนไลน์ อาทิ เว็บไซต์ บล็อก แฟนเพจ เป็นต้น ซึ่งมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความรู้ ความคิดในแง่ต่างๆ โดยไม่ได้เป็นเพียงแนวนิยายออนไลน์อีกต่อไป และหลายเล่มมีการพิมพ์ซ้ำเพิ่มเติมระหว่างงานมหกรรมหนังสือฯ คาดว่าอาจเพราะนักเขียนมีฐานของแฟนคลับจึงทำให้ยอดขายหนังสือแนวนี้ไปได้ดี และการันตียอดขายได้ในระดับหนึ่ง รวมถึงหนังสือแนวท่องเที่ยวต่างประเทศ แนวพัฒนาตัวเอง ทั้งในด้านของการเพิ่มพูนความสามารถและวิธีสร้างรายได้เพิ่มเติม ที่วัยรุ่นและวัยทำงานให้ความสนใจอย่างสูง

“ที่น่าสนใจคืองานมหกรรมหนังสือฯครั้งนี้ หนังสือสำหรับเด็กและเยาวชนในช่วงปฐมวัยได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนับเป็นนิมิตหมายอันดี เพราะแสดงว่าผู้ปกครองให้ความสำคัญกับการปลูกฝังการอ่านแก่เด็กไทยตั้งแต่ยังเยาว์มากขึ้น” นายจรัญกล่าว

นายจรัญคาดว่าจากความสำเร็จในครั้งนี้ น่าจะช่วยกระตุ้นภาพรวมของอุตสาหกรรมหนังสือของปีนี้ได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามยอดรวมรายได้ทั้งปีของอุตสาหกรรมหนังสือคงจะยังอยู่ในระดับ 25,000 ล้านบาทเช่นเดิม เพราะมหกรรมหนังสือฯเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

นายจรัญยังกล่าวอีกด้วยว่า ตนขอเสนอรัฐบาลให้ทำโครงการ “คูปองปัญญา” แจกคูปองให้ประชาชนคนละ 200 บาท เพื่อซื้อหนังสือที่ไหนก็ได้ เพราะมีคนไทยอีกมากที่อยากอ่านหนังสือ แต่ไม่สามารถซื้อได้ รวมถึงจัดงบการอ่านเป็นหนึ่งในงบประมาณรายจ่ายประจำปีในแต่ละจังหวัด เพื่อให้ได้ทำกิจกรรมด้านการอ่าน เช่นเดียวกับงบด้านวัฒนธรรม กีฬา และยาเสพติด และรณรงค์ให้มอบหนังสือเป็นของขวัญในเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

“หนังสือเป็นของขวัญที่ดีที่สุด เพราะไม่ได้มอบแค่ความบันเทิง แต่ยังมอบปัญญาและความสุขให้แก่กัน อยากให้รัฐบาลช่วยรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนร่วมมอบหนังสือเป็นของขวัญ ถ้าหากรัฐบาลทำได้นั้นถือเป็นการมอบของขวัญให้กับสังคมไทยด้วย”

นายจรัญยังเผยอีกว่า ปัจจุบันสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯได้พยายามกระจายการอ่านไปสู่ภูมิภาคด้วยงานหนังสือในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในทุกจังหวัด โดยโครงการล่าสุดคืองานเทศกาลหนังสืออุดรธานีครั้งที่ 1 ซึ่งจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7-16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ณ อุดรธานีฮอลล์ เซ็นทรัลพลาซ่า จ.อุดรธานี ทุกความสำเร็จชี้ชัดว่า ไม่ใช่คนไทยไม่อ่านหนังสือ เพียงแต่ไม่มีโอกาสเข้าถึงหนังสือที่อยากอ่านจริงๆ ซึ่งสมาคมฯพยายามร่วมสร้างวัฒนธรรมการอ่านในทุกทางในหลายโครงการ อาทิ“โครงการ๑ อ่าน ล้านตื่น” , “การจัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ สาขาอาชีพธุรกิจหนังสือและสิ่งพิมพ์” แต่ส่วนที่จะสามารถทำให้วัฒนธรรมการอ่านเกิดขึ้นได้จริงๆนั้น จะต้องมาจากภาครัฐเป็นสำคัญ

“หน้าที่หนึ่งของรัฐคือต้องสร้างคนคุณภาพให้เกิดขึ้นในสังคมด้วย การลงทุนด้วยหนังสือถือเป็นการลงทุนที่ถูกมากเมื่อเทียบกับการลงทุนอย่างอื่น และการที่มีคนมางานหนังสือมากขนาดนี้ น่าจะเป็นตัวเลขที่ทำให้รัฐบาลมองบ้างว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร ประชาชนต้องการอะไรจากประเทศนี้ และน่าจะเป็นความเห็นหนึ่งที่ส่งถึงรัฐบาลได้ว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะเหลียวมามองอุตสาหกรรมหนังสือบ้าง เพราะรัฐมีหน้าที่สร้างคนให้เป็นคนคุณภาพ” นายจรัญกล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๑ ก.พ. รฟท. จัดรถไฟส่งผู้ชุมนุมขบวนคนจนเมืองเพื่อสิทธิที่อยู่อาศัย เครือข่ายสลัม 4 ภาค กลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ
๒๑ ก.พ. BCPG เผยผลการดำเนินงานปี 2567 กำไรสุทธิกว่า 1,800 ล้านบาท เติบโต 65% จากปีก่อน พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลัง
๒๑ ก.พ. เกรท นำทีมศิษย์เก่า ฟอส-แบงค์ ฉลองครบรอบ 40 ปี ม.รังสิต เปิดตัว คริส หอวัง กับบทบาท ครูผู้ฮีลใจนักศึกษา แห่งสถาบัน
๒๑ ก.พ. ธนาคารกรุงเทพ ประกาศจ่ายเงินปันผล หุ้นละ 8.50 บาท สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2567
๒๑ ก.พ. GULF เคาะแล้ว! อัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้อายุ 4-10 ปี ที่ 3.00 - 3.55% ต่อปี พร้อมเสนอขายประชาชนทั่วไป 27-28 ก.พ. และ 3 มี.ค.68 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 10
๒๑ ก.พ. Selena Gomez, benny blanco, Gracie Abrams ส่งเพลงสนุกๆ โดนใจ Gen-Z Call Me When You Break Up การรวมตัวของอเวนเจอร์วงการเพลงป็อปที่ทุกคนรอคอย!
๒๑ ก.พ. MBK Care อาสาทำดี ปันน้ำใจสู่สังคม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ ปีที่ 7 ส่งมอบความสุขเพื่อผู้พิการทางสายตา พร้อมสิ่งของอุปโภคบริโภค
๒๑ ก.พ. บางจากฯ ปรับโครงสร้างธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวของกลุ่มบริษัทบางจาก
๒๑ ก.พ. สวยทุกลุค ชมพู่ - อารยา ถ่ายทอดไลฟ์สไตล์ของสาว GUESS ในแคมเปญคอลเลกชัน Spring Summer 2025 สีสันแห่งฤดูกาลใหม่
๒๑ ก.พ. วช. เปิดศูนย์การเรียนรู้โดรนเพื่อการเกษตร ต้นแบบการยกระดับประสิทธิภาพภาคการเกษตรของจังหวัดกาฬสินธุ์ ณ