จดหมายข่าวของบริษัท อัลไลด์ เทเลซิส นำเสนอรายงานการวิจัยของบริษัท การ์ทเนอร์ ในเรื่อง Mainstream Organizations Should Prepare for SDN Now (องค์กรควรเตรียมพร้อมสำหรับเอสดีเอ็นได้แล้ว) ที่มีการเผยแพร่เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2557 โดยรายงานฉบับนี้ได้แนะนำห้าขั้นตอนสำคัญในการเตรียมพร้อมสำหรับระบบครือข่ายที่ควบคุมโดยโปรแกรม หรือ เอสดีเอ็น (Software-Defined Networking: SDN) และระบุแผนกลยุทธ์เชิงปฏิบัติการสำหรับผู้นำฝ่ายปฏิบัติการและฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานสำหรับระบบไอทีในการนำประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับเอสดีเอ็น มาปรับใช้ในองค์กร
รายงานระบุว่า “ผู้นำฝ่ายไอทีควรปรับใช้เอสดีเอ็น ตามแนวทางที่เฉพาะเจาะจงหรือตามรูปแบบการใช้งานเฉพาะแทนที่จะปรับใช้ในรูปแบบโครงสร้างพื้นฐาน” รายงานยังระบุด้วยว่า “ผู้ออกแบบเครือข่ายควรกำหนด ‘ขอบเขตที่ชัดเจน’ เพื่อให้แน่ใจว่าการลงทุนใหม่ด้านระบบเครือข่ายจะรวมขีดคามสามารถของเอสดีเอ็นเอาไว้ด้วย”
สำหรับความท้าทายที่สำคัญในการปรับใช้เอสดีเอ็นนั้น รายงานระบุว่า “เอสดีเอ็น เป็นแนวทางใหม่สำหรับระบบเครือข่ายที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก และจำเป็นที่ผู้นำระดับอาวุโสที่ดูแลด้านโครงสร้างพื้นฐานควรจะต้องมาทบทวนกรอบและแนวทางปฏิบัติของระบบเครือข่ายดั้งเดิมใหม่” และว่า “กิจกรรมของการดำเนินงานเครือข่ายที่ทันสมัยนั้นมักจะต้องใส่ข้อมูลด้วยตัวเองและมักจะแยกการเชื่อมต่อออกจากจากแอพพลิเคชั่นและบริการที่ใช้งานร่วมกันอยู่บ่อยครั้ง”(สำหรับรายงานฉบับสมบูรณ์สามารถดูได้ที่) http://www.gartner.com/technology/media-products/newsletters/allied_telesis/issue2/index.html
ทั้งนี้เอสดีเอ็นยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น ซึ่งสิ่งสำคัญในเวลานี้คือการมุ่งเน้นไปที่ศูนย์ข้อมูลเป็นหลัก บริษัท อัลไลด์ เทเลซิส กำลังเดินหน้านำเอาประโยชน์ต่างๆ ของเอสดีเอ็นมาใช้งานเพื่อเตรียมพร้อมสนับสนุนผู้นำฝ่าย ไอทีในตลาดองค์กรขนาดใหญ่เมื่อพวกเขาตัดสินใจย้ายองค์กรเข้าสู่แนวทางใหม่ของระบบเครือข่าย ลูกค้าในทุกขนาดองค์กรล้วนมีปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกัน แต่เอสดีเอ็น จะช่วยให้บริษัท อัลไลด์ เทเลซิส สามารถนำเสนอแนวทางที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการเปิดใช้งานโซลูชั่นต่างๆ ที่ไม่เพียงตอบทุกโจทย์ความต้องการเท่านั้น แต่ยังช่วยลดค่าใช่จ่ายได้อีกด้วย แนวทางดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการทำให้การบริหารจัดการเครือข่ายเป็นเรื่องง่าย ซึ่งนั่นจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการสร้างโซลูชั่นของตัวเองขึ้นมา
ไม่ว่าเครือข่ายของลูกค้าจะใช้หรือไม่ใช้เอสดีเอ็นก็ตาม เครือข่ายนั้นจะต้องมีประสิทธิภาพ ยืดหยุ่น ปรับขยายได้ และง่ายต่อการใช้งานและบำรุงรักษาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งปีหลังจากเปิดตัวโซลูชั่น อัลไลด์ เทเลซิส แมเนจเม้นท์ เฟรมเวิร์ค หรือ เอเอ็มเอฟ (Allied Telesis Management Framework™ (AMF)) ซึ่งนำเสนอการบริหารจัดการเครือข่ายที่ง่ายดายและช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานให้ต่ำลง ทำให้บริษัท อัลไลด์ เทเลซิส กำลังเดินหน้าทำงานร่วมกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อสร้างแอพพลิเคชั่นเอสดีเอ็นที่จะช่วยแก้ปัญหาให้กับธุรกิจในโลกแห่งความเป็นจริงให้ได้ เพื่อให้บรรลุผลในด้านการบริหารจัดการระบบไอทีของเครือข่ายได้โดยง่ายและสนับสนุนให้ค่าใช้จ่ายลดน้อยลง
“วิสัยทัศน์ของบริษัท อัลไลด์ เทเลซิสที่มีต่อเอสดีเอ็น (มีปรากฏอยู่ในเอกสารรายงานก่อนหน้านี้ของเรา) สามารถบรรลุผลและนำไปปฏิบัติได้จริงทั้งหมด เราได้ติดตั้งโซลูชั่นเอเอ็มเอฟ ให้กับองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก และด้วยสวิตช์ที่มีฟังก์ชั่นเอสดีเอ็นแบบไฮบริดที่สอดคล้องกับมาตรฐานโอเพ่นโฟลว์ (OpenFlow) ที่เรากำลังจะนำออกสู่ตลาดในเร็วๆนี้ จะทำให้เราสามารถแนะนำและสนับสนุนลูกค้าในการปรับใช้เครือข่ายเอสดีเอ็นที่ทันสมัยเพื่อแก้ปัญหาที่ซับซ้อนทางธุรกิจได้ อีกทั้งยังมาพร้อมข้อดีของเอเอ็มเอฟ ที่ช่วยให้การบริหารจัดการเป็นเรื่องง่าย ซึ่งนั่นจะส่งผลให้องค์กรสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อีกด้วย” นายกราแฮม วอล์คเกอร์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท อัลไลด์ เทเลซิส แลบส์ ประเทศนิวซีแลนด์ กล่าว