นางสาวสุวภา เจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่าง วันที่ 5 -7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา FIRE ได้เปิดโอกาสให้นักลงทุนได้จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จำหน่ายให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 90 ล้านหุ้น ราคา 3 บาท มูลค่าพาร์ 0.50 บาท ซึ่งปรากฎว่าได้รับผลตอบรับที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งเพราะนักลงทุนให้การตอบรับจองหุ้นบริษัทฯอย่างล้นหลาม สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐาน และศักยภาพในการเติบโตของบริษัทฯ
“นักลงทุนมีความมั่นใจในหุ้น FIRE เชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ศักยภาพการดำเนินธุรกิจ แนวโน้มในการเติบโตที่ชัดเจน โดยหุ้น FIRE จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ มั่นใจจะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจและไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวังอย่างแน่นอน ” นางสาวสุวภา กล่าว
ด้าน นายชัยภัทร ศรีวิสารวาจา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า การจองหุ้น FIRE ที่ผ่านมามีการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ถือเป็นความมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
และส่วนหนึ่งเชื่อว่านักลงทุนมั่นใจในทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจ มายาวนานกว่า 20 ปี ทำให้มีศักยภาพในการแข่งขันสูง เป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรม จึงมั่นใจว่าหุ้น FIRE จะเป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่กำลังมองหาหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีผลการดำเนินงานที่ดี และที่สำคัญบริษัทฯไม่มีหนี้ ด้วยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพียง 0.6 เท่า เท่านั้น
ขณะที่ นายวิรัฐ สุขชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟร์วิคเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ FIRE กล่าวว่า รู้สึกยินดีและขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้การตอบรับหุ้น FIRE อย่างน่าประทับใจ ทั้งนี้ ภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ จะช่วยผลักดันให้ FIRE มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจเพิ่มมากขึ้นจากการขยายธุรกิจ และปรับปรุงประสิทธิภาพโดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯจะนำไปใช้ในการขยายสำนักงานสาขาในต่างจังหวัด คือที่ จังหวัดระยอง เพื่อรองรับการทำการตลาดในลูกค้ากลุ่มปิโตรเคมี เพื่อจำหน่ายอุปกรณ์ดับเพลิง รวมทั้งงานโครงการติดตั้งระบบดับเพลิง ให้คำปรึกษา ออกแบบ และติดตั้งระบบดับเพลิงต่างๆ ทั้งระบบโฟมดับเพลิง ระบบก๊าซดับเพลิง ตลอดจนระบบสัญญาณเตือนภัยในเขตอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
นอกจากนี้ ยังนำเงินไปใช้ในการซื้ออุปกรณ์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในระบบดำเนินงานด้านสนับสนุน และใช้ในการชำระหนี้บางส่วน และที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
“ เรารู้สึกดีใจกับการตอบรับจากนักลงทุนที่ให้ความสนใจจองหุ้นของบริษัทในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งเราพร้อมที่จะพัฒนาธุรกิจให้เติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และเพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นเป็นอย่างดีในอนาคตอย่างแน่นอน ” นายวิรัฐ กล่าว