นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/57 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,359.5 ล้านบาท ลดลง 9.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่สามารถทำกำไรสุทธิ 266.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.4% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ 163.9 ล้านบาท เป็นผลจากการบริหารต้นทุนการผลิต และค่าใช้จ่ายทางการตลาด เมื่อรวมกับกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นจากโรงงานเฟส 2 ที่เสร็จสมบูรณ์ ส่งผลให้ อิชิตันลดอัตราการว่าจ้างผลิต (OEM) ลงเหลือเพียง 1% ลดลงจาก 21% ในงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งหมดกลายเป็นองค์ประกอบที่ส่งผลให้ผลกำไรสุทธิเติบโตตามเป้าหมาย ทั้งนี้ ในไตรมาส 4 /57 บริษัทฯ มีแผนการรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยส่งชาเขียวรสชาติใหม่ อิชิตัน รสลิ้นจี่ หวานเปรี้ยวลงตัว ออกสู่ตลาด ซึ่งน่าจะกวาดยอดขายได้เป็นอย่างมาก
แม้ตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศไทยจะยังคงมีการแข่งขันดุเดือด แต่อิชิตันยังครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 44.5 % เป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันเป็นปีที่ 2 สำหรับอันดับสอง คือ โออิชิ 36.9 % และเพียวริคุ 7.6% เป็นอันดับสาม (ข้อมูลจากดัชนีตัวเลขค้าปลีก Nielsen ม.ค.-ก.ย. 57) บริษัทฯ ประเมินภาพรวมธุรกิจตลาดชาพร้อมดื่มช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีว่ามีแนวโน้มจะเติบโต เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ตามภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มดีขึ้น
สำหรับความคืบหน้าของ บริษัท อิชิตัน อินโดนีเซีย จำกัด ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัท อิชิตันกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท พีที อาทรี่ แปซิฟิค จำกัด (PT Atri Pasifik) (AP) ประเทศอินโดนิเซีย อันมีบริษัทมิตซูบิชิ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (Misubishi Corperation) ประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้ถือหุ้นร่วม โดยสินค้ากลุ่ม
แรกตั้งเป้าหมายจะออกสู่ตลาดภายในไตรมาส 2/58 ซึ่งนอกเหนือจากอิชิตัน และเย็นเย็นแล้ว ยังมีแผนจะพัฒนาเครื่องดื่มน้ำผลไม้ ตราไบเล่ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบุกตลาดของอิชิตัน ที่อินโดนีเซีย
ล่าสุด อิชิตัน เป็นหนึ่งในบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ในปีนี้ และได้รับการจัดเข้ากลุ่มหลักทรัพย์ที่ใช้ในการคำนวณดัชนี MSCI Global Small Cap Indexes งวดล่าสุดที่จัดขึ้นวันที่ 14 พ.ย. 2557 ถือเป็นการสะท้อนธุรกิจบริษัทฯ ถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แนวโน้มการเติบโตสูง มีศักยภาพต่อการลงทุน และเป็นบริษัทที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้การตอบรับระดับดีอย่างต่อเนื่อง