นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL หนึ่งในผู้นำผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ กล่าวแสดงความมั่นใจว่า “เราได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วและจากนี้ไปเราจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลกำไรจากการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวที่ผ่านมา”
นายมิทซึจิ มั่นใจว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ จะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้และต่อเนื่องในปีถัดไป ทั้งนี้หลังจากที่บริษัทฯ ได้แจ้งผลกำไรในไตรมาส 3/57 ซึ่งลดต่ำลงจากสองไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญในเกณฑ์สูง และการบันทึกค่าใช้จ่ายซึ่งเกี่ยวเนื่องจากการควบรวมกิจการกับบริษัท ธนบรรณ ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
นายมิทซึจิ กล่าวชี้แจงว่า การตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจรากหญ้าของประเทศไทยเริ่มฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่ส่งผลดีโดยตรงต่อลูกค้าของ GL ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าระดับรากหญ้า โดยบางส่วนที่ไม่สามารถจ่ายค่างวดผ่อนรถจักรยานยนต์ในอดีตก็สามารถกลับมาจ่ายค่างวดได้ตรงตามเวลา
ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการควบรวมกิจการกับธนบรรณนั้น ก็ได้ลงบันทึกบัญชีในไตรมาสที่ 3 ไปแล้ว โดยจากพัฒนาการเหล่านี้ ทำให้บริษัทฯ คาดหวังว่า ผลประกอบการในไตรมาส 4 จะเริ่มพลิกกลับและฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีแรงหนุนที่สำคัญจากธุรกิจในกัมพูชา ซึ่งเริ่มทำกำไรในไตรมาส 3 และคาดว่ากำไรจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งสอดรับกับธุรกิจที่มีศักยภาพขยายตัวได้อย่างเต็มที่
สำหรับงบการเงินเฉพาะกิจการของ GL ในไตรมาส 3 ปีนี้ มีกำไรสุทธิ 22.25 ล้านบาท โดยลดลง 38.45 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63.34% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 60.70 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิในงบการเงินรวมลดลงเหลือ 3.85 ล้านบาท หรือลดลง 91.57% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 45.66 ล้านบาท โดยความแตกต่างระหว่างกำไรสุทธิของงบเฉพาะกิจการและงบการเงินรวมนั้น สืบเนื่องจากการนำสินเชื่อในพอร์ตของธนบรรณมารวมในงบการเงินรวมเป็นครั้งแรกในไตรมาสนี้ หลังจากที่มีการควบรวมกิจการเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
นายมิทซึจิ กล่าวชี้แจงว่า ส่วนรายได้จากดอกผลเช่าซื้อได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงยุทธศาสตร์หลักของบริษัทฯ ในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวเพื่อที่จะสามารถเก็บเกี่ยวผลกำไรเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยในงบการเงินรวมแสดงรายได้ดอกผลเช่าซื้อเพิ่มขึ้น 43.40% จาก 331.01 ล้านบาทในไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 474.60 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น 143.59 ล้านบาทประกอบด้วย ส่วนที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจของ GL 20.76 ล้านบาท และอีก 95.83 ล้านบาทมาจากการรวมกิจการกับธนบรรณ โดยรายได้จากธุรกิจบริษัทฯ ในเครือที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศกัมพูชามีทั้งสิ้น 27 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน งบค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 61.44% ในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยเพิ่มจาก 103.16 ล้านบาท เป็น 166.54 ล้านบาท ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการควบรวมกิจการกับธนบรรณ ขณะที่สำรองเผื่อหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 43.79% จาก 96.43 ล้านบาทในปีที่แล้ว เป็น 138.66 ล้านบาทในปีนี้ โดยส่วนที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นการตั้งเผื่อลูกค้าในพอร์ตของธนบรรณซึ่งนำมาบันทึกในงบการเงินรวมเป็นครั้งแรกในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยคาดว่าการตั้งสำรองดังกล่าวจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญเริ่มต้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว