จากการทดสอบความสัมพันธ์ของอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิเฉลี่ยธนาคารพาณิชย์ไทย กับการลงทุนภายในประเทศ พบว่า อัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิเฉลี่ย ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการลงทุนภายในประเทศที่ลดลง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการจ้างงาน และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ อีกทั้งการดำเนินกิจการของภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจที่จำเป็นต้องกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ยังต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่สูง ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระต้นทุนที่สูงในการดำเนินงานของกิจการ ขณะที่การฝากเงินของครัวเรือน และภาคธุรกิจกลับได้รับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราที่ต่ำ
อัตราส่วนต่างดอกเบี้ยของดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ไทยที่มากเกินไป ย่อมส่งผลทางบวกต่อธนาคาร และในทางตรงกันข้ามย่อมส่งผลกระทบทางลบต่อภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ และภาคเศรษฐกิจโดยรวม เนื่องจากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน จำเป็นต้องให้เกิดความสมดุลของทุกภาคส่วน ทั้งนี้หากผลักภาระต้นทุนของดอกเบี้ยให้แก่ครัวเรือน และภาคธุรกิจ ย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของกิจการ และส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อระบบเศรษฐกิจโดยภาพรวมของประเทศ ดังนั้นธนาคารพาณิชย์ไทยควรดำเนินนโยบายดอกเบี้ยที่สร้างสรรค์ โดยการกำหนดประโยชน์ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้ฝากเงินและผู้กู้เงิน อันจะส่งผลให้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจในระบบสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง