ดร.จิราพร เกษรจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคสัตว์น้ำ กล่าวเพิ่มเติมว่า เกษตรกรสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นของกุ้งที่ป่วยเป็นโรคทอร่า ตามลำตัว แพนหาง และระยางค์ขาทั้งหมดมีสีชมพูแดงชัดเจน ปลายระยางค์เริ่มกร่อน เปลือกนิ่ม ลำไส้ไม่มีอาหาร มักจะตายระหว่างลอกคราบ และจะทยอยตายไปเรื่อยๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่พบการตายประมาณ 40-90 % หรือหากไม่ตายแต่ปรากฏแผลจุดดำตามเปลือกทั่วตัว แสดงว่ากุ้งยังคงมีเชื้อไวรัสสะสมอยู่และจะกลายเป็นตัวพาหะนำโรคได้
สำหรับการป้องกันโรคทอร่า ทำได้ ดังนี้
1. ใช้ลูกพันธุ์กุ้งที่เป็นสายพันธุ์ต้านทานเชื้อทอร่า (specific pathogen resistance, SPR) หรือ สายพันธุ์ปลอดเชื้อ (specific pathogen resistance, SPR) และควรคัดกรองลูกกุ้งที่ปลอดเชื้อไวรัสก่อโรคและมีสุขภาพแข็งแรง ได้รับการตรวจรับรองจากห้องปฏิบัตการที่เชื่อถือได้ อีกทั้งเกษตรกรควรสุ่มตัวอย่างกุ้งในบ่อเลี้ยงมาตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
2. ควรเลี้ยงกุ้งในระบบปิดหรือระบบที่มีการถ่ายน้ำน้อย และมีบ่อพักน้ำ จะทำให้สามารถเตรียมน้ำที่มีคุณภาพดีช่วยลดความเสี่ยงของโรคได้มาก
3. มีการเตรียมบ่อและการจัดการพื้นก้นบ่อที่ดี ฆ่าเชื้อภายในบ่อหลังการเลี้ยงแต่ละรอบเพื่อกำจัดเชื้อโรคและพาหะนำโรค ด้วยคลอรีนเข้มข้น 60-65 % อัตราส่วน 50 กิโลกรัมต่อไร่ หรือใช้คลอรีนผง 25 % อัตราส่วน 120 กิโลกรัมต่อไร่ ทั้งนี้ ค่า pH น้ำในบ่อจะต้องไม่เกิน 8.0 แต่ถ้าค่า pH น้ำในบ่อสูงกว่า 8.0 ให้เลือกใช้สารกลุ่มไตรคลอฟอน อัตราส่วน 1-1.5 กิโลกรัมต่อไร่ หรือไดคลอวอส อัตราส่วน 0.5 กิโลกรัมต่อไร่ โดยทิ้งไว้อย่างน้อย 7 – 10 วัน เพื่อให้สารเคมีดังกล่าวสลายตัวได้หมดก่อนปล่อยลูกกุ้ง
4. หลีกเลี่ยงการใช้อาหารสดในการเลี้ยงกุ้ง เนื่องจากอาจเป็นพาหะของเชื้อไวรัส
5. ลดปัจจัยที่ทำให้กุ้งเกิดความเครียด เช่น การเปลี่ยนแปลงคุณภาพน้ำอย่างฉับพลัน ลดความหนาแน่นของกุ้งที่ปล่อยเลี้ยง
6. ควบคุมคุณภาพน้ำให้เหมาะกับการเลี้ยง โดยตรวจวัดคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอทั้งเช้าและบ่าย โดยเฉพาะหลังฝนตกซึ่งคุณภาพน้ำจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
7. เติมจุลินทรีย์ ปม.1 ในน้ำที่ใช้เลี้ยงเป็นระยะๆ เพื่อช่วยควบคุมปริมาณของเสียที่เกิดขึ้นในบ่อ
8. ห้ามใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาโรคทอร่า เพราะสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสไม่ใช่แบคทีเรีย และที่สำคัญปัจจุบันยังไม่มียาชนิดใดรักษาและฆ่าเชื้อไวรัสในตัวกุ้งได้โดยไม่เป็นอันตายต่อกุ้ง
ทั้งนี้ เมื่อเกิดโรคในฟาร์ม เกษตรกรควรใช้ตาข่ายพลางแสง หรือแผ่นพลาสติกปิดกันที่เกิดโรคจากพื้นที่อื่นๆและห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่เกิดโรค และใช้คลอรีนเติมลงในบ่อกุ้งที่เป็นโรค ให้มีความเข้มข้นสุดท้ายเป็น 30 พีพีเอ็ม ทิ้งไว้อย่างน้อย 14 วัน โดยห้ามปล่อยน้ำทิ้งสู่แหล่งน้ำภายนอก และทำความสะอาดฆ่าเชื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในการเลี้ยงทั้งหมดจนแน่ใจว่าปลอดเชื้อ หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันสุขภาพสัตว์น้ำชายฝั่ง สงขลา โทร.0 74 335 244-8 และสถาบันวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล 0 2561 0786 ในวันเวลาราชการ