นางสาวอาทิตยา ดิถีเพ็ญ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แฟชั่นควีน จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องสำอางแฟชั่นชั้นนำของไทย ภายใต้แบรนด์ 3 แบรนด์ดัง ได้แก่ คิส (Kiss) คิสมี (Kiss Me) ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น และเอสเซนส์ (essence) แบรนด์ชั้นนำจากยุโรปซึ่งนำเข้าจากประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดสินค้าเครื่องสำอางของประเทศไทยมีมูลค่าอยู่ที่กว่าแสนล้านบาท คาดจะสามารถเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี ซึ่งที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ทั้ง 3 แบรนด์ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้บริโภคชาวไทย และ "เอสเซนส์" นับเป็นผลิตภัณฑ์ที่นิยมในผู้บริโภคแถบยุโรปและกลุ่มลูกค้าที่มีมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตาม “เอสเซนส์” ยังคงมุ่งมั่นคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านความงามอย่างต่อเนื่อง โดยเอสเซนส์เป็นผู้นำความงามเครื่องสำอางที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและอินเทรนด์ด้วยสีสันสดใสสไตล์คัลเลอร์ฟูล และเป็นเครื่องสำอางที่ได้รับรองคุณภาพมาตรฐานและการผลิตจากยุโรป
ล่าสุด “เอสเซนส์” เปิดตัวผลิตภัณฑ์คอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุด “สวยง่ายๆไม่รู้เบื่อ” ต้อนรับวินเทอร์ กับสไตล์การแต่งหน้าแบบเมทัลลิก ผสมผสานกับการเมคอัพสวยๆ ด้วยชิมเมอร์ เพื่อเพิ่มความแวววาวสดใสให้กับสาวๆ ที่รักการแต่งหน้า ด้วยอายแชโดว์สีสันสุดน่ารักไม่ว่าจะเป็นโทนสีน้ำตาลธรรมชาติกับ all about nude หรือจะสีพาสเทลใสๆ กับ all about candies ที่จะช่วยทำให้ดวงตาของสาวๆ ดูมีสไตล์มากขึ้น เติมความคมชัดกันด้วยวอเตอร์ปรู๊ฟอายไลเนอร์ของ essence ที่มีหัวปลายเรียวเล็กเขียนง่ายติดทนนาน ซึ่งจะช่วยให้ดวงตาของสาวๆ ดูโตและคมมากขึ้น จากนั้นเพิ่มความฟรุ้งฟริ้งให้ดวงตาด้วยขนตาที่หนาอลังการกับ lashes volume curl mascara ที่มีหัวแปรงไฟเบอร์โค้งไซส์พิเศษ ช่วยให้ขนตาดูหนางอนมีวอลลุ่มสุดพลัง แล้วเติมแก้มให้แปล่งปลั่งดั่งสาววัยทีนกับ blush up! Power blush ดึงดูดทุกสายตาด้วยริมฝีปากที่ดูสวยเพอร์เฟ็กต์กับ XXXL longlasting lipgloss สำหรับสาวที่ไม่อยากตกเทรนด์ให้เพิ่มความแวววาวของริมฝีปากด้วย XXXL shine lipgloss
“เอสเซนส์” การันตีถึงคุณภาพที่ได้มาตรฐานระดับยุโรป แต่ราคาจับต้องได้ เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง เจาะตลาดกลุ่มสาววัยรุ่นและวัยทำงาน ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ที่จะบุกทำตลาดในช่วงปลายปี 2557 ไปจนถึงปีหน้า โดยคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะผู้บริโภคเชื่อมั่น ในเรื่องคุณภาพและแบรนด์ “เอสเซนส์” ที่โดดเด่น รวมทั้งความเป็นผู้นำทางด้านแฟชั่นแห่งสีสันและ เมคอัพเทรนด์ คาดว่าช่วงสุดท้ายของปีนวัตกรรมความงามนี้จะผลักดันยอดขายปี 2557 ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20% โดยสัดส่วนรายได้แบ่งเป็น แบรนด์เอสเซนส์50% แบรนด์คิสและแบรนด์คิสมี 50%
สำหรับแผนการตลาดปี 2558 นี้ บริษัทฯ จะเปิดตัวแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกเดือนหมุนเวียน ให้ผู้บริโภคได้เลือกสรรแบบไม่มีเบื่อกับสไตล์อินเทรนด์ ตอกย้ำจุดเด่นของแบรนด์ที่ได้รับการยกย่อง ให้เป็นเครื่องสำอางชั้นนำทั่วโลก พร้อมกันนี้ยังได้วางแผนกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ รวมถึงสื่อออนไลน์ เฟซบุ๊ค แฟนเพจ ฯลฯ และจะมีการทำโรดโชว์อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นเข้าถึงกลุ่มลูกค้าผู้หญิงนำเทรนด์และรักแฟชั่น อายุระหว่าง 14-40 ปี พร้อมด้วยการขยายจุดจำหน่ายขายสินค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 262 สาขา วางจำหน่ายที่ห้างสรรพสินค้า ดรักสโตร์ และร้านเครื่องสำอางชั้นนำ ทั่วประเทศ อาทิ วัตสัน, บู๊ทส์, เทสโก้, ซูรูฮะ โดยในปี 2558 ตั้งเป้าว่าจะขยายจุดจำหน่ายสินค้า ให้ครอบคลุมเพิ่มขึ้นเป็น 350 จุดทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้น 30% จากปี 2557 และภายใน 3 ปี ตั้งเป้าว่าจะมีจุดจำหน่ายสินค้า 350 สาขาทั่วประเทศ โดยจะเน้นแบรนด์เอสเซนส์เป็นพิเศษ เพราะถือเป็นแบรนด์ใหม่ที่มีจุดแข็งของสินค้าคือราคาไม่แพงมีคุณภาพนำเข้าจากยุโรป