นายกฤษดา ชวนะนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ VPOกล่าวว่า มั่นใจ ปัจจัยพื้นฐานบริษัทยังแข็งแกร่ง มีศักยภาพการเติบโตสูง พร้อมรับโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่บริษัทเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบที่มีกำลังการผลิต ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย และมีช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย ทั้งในประเทศและเป็นผู้ผลิตเพียง 1 ใน 3 รายที่สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้ด้วยตนเอง ประกอบกับ ทิศทางอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มดิบมีโอกาสเติบอีกมาก เนื่องจากปาล์มเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญทั้งการอุปโภค บริโภค และการใช้เป็นพลังงานทดแทนในน้ำมันไบโอดีเซล ส่วนภาครัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้น ประกอบกับการเติบโตของประชากรโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้บริษัทสามารถเติบโตสูงได้ในอนาคต โดยบริษัทประเมินทิศทางผลประกอบการในปี 2558 คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับปี 2557 และถือเป็นเป็นช่วงที่ดีมากของบริษัท เนื่องจากผลผลิตปาล์มจะออกสู่ตลาดมากขึ้น จากในปี 2557 ปาล์มให้ผลผลิตที่ประมาณ 12 ล้านตัน สาเหตุมาจากปาล์มในพื้นที่โตเต็มที่ให้ผลผลิตในระดับสูง และพื้นที่ที่ปลูกใหม่จะเริ่มทยอยผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น นอกจากนี้ในปี 2558 บริษัทมีภาระดอกเบี้ยลดลงกว่า 20 ล้านบาทต่อปี ภายหลังนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปชำระคืนหนี้
ขณะเดียวกันในปี 2558 ซึ่งมีการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC นับเป็นโอกาสของVPO ในฐานะผู้ผลิตที่มีกำลังการผลิตใหญ่ที่สุดในจังหวัด ชุมพร ที่คาดว่าได้รับประโยชน์อย่างสูง เนื่องจากบริษัทเตรียมการรองรับมาการเปิด AEC มาโดยตลอดอยู่แล้ว เพื่อสร้างโอกาสจากตลาดที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นจากประชากร600 ล้านคน ใน 10 ประเทศอาเซียน รวมทั้งช่วยลดปัญหาการเก็งกำไรราคาน้ำมันปาล์มดิบลงอีกด้วย
สำหรับผลงานในปี 2557 บริษัทคาดว่า ผลการดำเนินงานจะสามารถเติบโตใกล้เคียงปี 2556 ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 173.32 ล้านบาท โดยผลประกอบการงวด 9 เดือนแรก มีกำไรสุทธิอยู่แล้วที่ 158.13 ล้านบาท แม้ผลงานไตรมาส 3/2557 ขาดทุนประมาณ 15 ล้านบาท เป็นผลจาก ซึ่งสินค้าเกษตรเป็นสินค้าที่อิงกับฤดูกาล และภาวะธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เมื่อผลผลิตปาล์มออกมาน้อยกว่าปกติทำให้ราคาผลปาล์มดิบ ที่รับซื้อจากเกษตรกรสูงขึ้น ประกอบกับการเก็งกำไรราคาน้ำมันปาล์มดิบทำให้ราคาตลาดบิดเบือน
“บริษัทจะมีกำไรเยอะ ก็คือช่วงที่ผลผลิตปาล์มออกเยอะ ซึ่งจะมีอยู่ไม่กี่เดือนใน 1 ปี อุตสาหกรรมการเกษตรพึ่งพาฤดูกาล ดิน ฟ้า อากาศ จึงส่งผลต่อบริษัทในบางช่วงเวลา ต้องประเมินผลประกอบการทั้งปีจึงจะเห็นว่า VPO สามารถสร้างผลประกอบการที่ดี โดยผลงานปี 57 แม้รายได้ลดลงจากปี 56 เป็นผลจากเราให้ความสำคัญต่อความสามารถการทำกำไร มากกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น แต่มองปี 58 จะเป็นอีกปีที่ดีมากของบริษัท เพราะมีหลายปัจจัยสนับสนุน อาทิ ผลผลิตปาล์มที่จะเพิ่มขึ้นอีก การเปิด AEC ส่งผลต่อโอกาสทางการตลาดที่กว้างขึ้น ภาระดอกเบี้ยลดถึงปีละ 20 ล้านบาท จากการชำระคืนเงินกู้ ยิ่งมั่นใจว่า VPO จะสามารถสร้างผลประกอบการเติบโตถึง 30% นอกจากนี้อัตราหนี้สินต่อทุน D/E ภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ เหลือ แค่ 0.6 เท่า ยิ่งแสดงถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แทบจะปลอดหนี้ ดังนั้นเชื่อมั่นว่าหากพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลประกอบการดี ย่อมสะท้อนต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน และราคาหุ้นที่แท้จริง นอกจากนี้ VPO ยังเป็นหนึ่งในหุ้นปันผลที่เหมาะกับนักลงทุนที่ต้อง การผลตอบแทนต่อเนื่อง เพราะมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว โดยที่ผ่านมาบริษัทจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นมาตลอด เชื่อว่าภายหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ คาดว่าน่าจะมีการจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทช่วงต้นปี 2558" นายกฤษดา กล่าว