ปี 2557 เป็นฉลองครบรอบ 15 ปีของมหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ ประเทศไทย และมหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์จะฉลองครบรอบ 1 ศตวรรษในปี 2558 ที่จะถึงนี้
มหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ ประเทศไทย ได้ประกาศย้ายวิทยาเขตในกรุงเทพฯ ไปยังอาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ บนถนนสาทร โดยมีเนื้อที่ 694 ตารางเมตร ที่ตั้งแห่งใหม่นี้ทำให้มหาวิทยาลัยฯ อยู่ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ โดยจะใช้อีกชื่อหนึ่งว่า Bangkok Academic Center ซึ่งช่วยให้นักศึกษามีโอกาสเรียนรู้อย่างไม่จำกัดและอยู่ใกล้บริษัทต่างๆ ซึ่งอาจเป็นที่ทำงานของนักศึกษาในอนาคตอีกด้วย
มหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์เปิดในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 2542 และในปีนี้ก็จะเป็นการฉลองครบรอบ 15 ปีของมหาวิทยาลัยฯ วิทยาเขตสำหรับปริญญาตรีตั้งอยู่ที่อำเภอหัวหินและชะอำ ซึ่งเป็นเมืองพักผ่อนตากอากาศ
Bangkok Academic Center แห่งใหม่นี้จะใช้แทนวิทยาเขตเดิมที่อาคารมณียา เซ็นเตอร์ ซึ่งมหาวิทยาลัยฯ เติบโตขึ้นจนเกินกว่าที่สิ่งอำนวยความสะดวกและความจุของอาคารเดิมจะรับได้ วิทยาเขตในกรุงเทพฯ แห่งใหม่นี้คาดว่าน่าจะถูกใจ (dueng kwam son jai )นักศึกษาใหม่จำนวนมาก เนื่องจากเดินทางสะดวก มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมสรรพ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และมีการเปิดหลักสูตรปริญญาตรีใหม่ๆ
มหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์เป็นมหาวิทยาลัยจากสหรัฐอเมริกาเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองวิทยฐานะทั้งโดยกระทรวงศึกษาธิการแห่งประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา และได้รับการยอมรับจากทั่วโลก โดยมุ่งเน้นประสบการณ์ในการเรียนรู้ที่มีคุณภาพสูงเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักศึกษาสำหรับสังคมโลกาภิวัตน์
มหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ ประเทศไทยมีบรรยากาศการเรียนรู้ที่หลากหลายและเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรม โดยมีนักศึกษากว่า 50 เชื้อชาติและบุคลากรจากกว่า 20 ประเทศ (คณะครู)
มหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2458 ที่เมืองเซ็นต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำในด้านการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา และมีเครือข่ายวิทยาเขตทั่วโลกทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป (ประเทศสหราชอาณาจักร สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย) เอเชีย (ประเทศไทยและจีน) และแอฟริกา (ประเทศกานา) นักศึกษาสามารถโอนย้ายไปยังวิทยาเขตใดก็ได้ในเครือข่ายนี้ หรือศึกษาทั้งหลักสูตรที่วิทยาเขตใดก็ได้
Bangkok Academic Center แห่งนี้เปิดการเรียนการสอนหลักสูตรปริญญาโทในระดับเวิลด์คลาส เช่น MBA (เน้นในด้านการเงิน การตลาด การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล และเทคโนโลยีสารสนเทศ) และปริญญาโทในสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและสื่อสารมวลชน หลักสูตรปริญญาตรีที่เพิ่งเปิดใหม่ ได้แก่ แอนิเมชั่น (BA) วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ (BS) การบริหารธุรกิจ (BA) โดยเน้นที่ธุรกิจระหว่างประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (BA)
“เราตื่นเต้นกับวิทยาเขตในกรุงเทพฯ แห่งใหม่นี้ของเรา ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ในการสร้างนักศึกษาให้มีความเป็นเลิศและเตรียมพร้อมรับกับโลกในยุคโลกาภิวัตน์ เนื่องจากจะมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจ AEC ในปีหน้านี้ นักเรียนทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ และชาวอาเซียนจะสามารถเลือกได้ว่าจะเรียนกับเราและไปเรียนที่วิทยาเขตใดวิทยาเขตหนึ่งทั่วโลกเป็นเวลา 1 เทอมก็ได้ ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสอันดีสำหรับนักศึกษาที่จะได้ออกไปสัมผัสโลกในต่างประเทศและศึกษาในเครือข่ายกับเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน” Mr. Ratish Thakur อธิการบดี มหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ ประเทศไทยกล่าว
“วิทยาเขตแห่งใหม่นี้ประกอบไปด้วยห้องเรียนอันทันสมัยซึ่งมีเทคโนโลยีการประชุมผ่านวีดีโออันล้ำหน้า ซึ่งช่วยให้นักศึกษามีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมชั้นและอาจารย์วิทยากรจากวิทยาเขตอื่นๆ ของมหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ทั่วโลกได้อย่างสะดวกในห้องเรียนเสมือนจริง การมีปฏิสัมพันธ์แบบ 2 ทางนี้เป็นการนำความเชี่ยวชาญในระดับโลกมาสู่นักศึกษา และช่วยยกระดับประสบการณ์การเรียนรู้ของนักศึกษาด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สถานที่แห่งใหม่นี้อยู่ใกล้บริษัทต่างๆ ซึ่งอาจเป็นที่ทำงานของนักศึกษาในอนาคตอีกด้วย” Mr. Thakur กล่าวเพิ่มเติม
“นักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ ประเทศไทย ได้เข้าทำงานกับบริษัทและองค์กรชั้นนำของประเทศ เช่น CIMB Thai, Thai Summit Group, UNICEF, Unilever และ LG Electronics Thailand ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงส่วนน้อย” Mr. Thakur ชี้แจง
วิทยาเขตในกรุงเทพฯ แห่งใหม่นี้ จะประกอบไปด้วย 6 ห้องเรียน 3 ห้องประชุม ห้องสมุด และห้องรับรองนักศึกษาซึ่งสามารถรองรับนักศึกษาได้ถึง 500 คน นอกจากนั้น ยังมีห้องสมุดออนไลน์ครบวงจรซึ่งรวบรวมแหล่งข้อมูลทางวิชาการที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอีกด้วย
นอกจากนั้น Bangkok Academic Center ยังจะเปิดสอนหลักสูตร English as a Second Language ซึ่งออกแบบมาสำหรับนักศึกษาไทยเพื่อที่ว่าเมื่อศึกษาจบหลักสูตรนี้แล้ว นักศึกษาจะสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วเทียบเท่ากับคนในรุ่นเดียวจากทั่วโลก
ที่ตั้งแห่งใหม่นี้เดินทางสะดวกโดยใช้บริการขนส่งสาธารณะ (รถไฟฟ้าBTS และรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ) และช่วยให้คนทำงานที่ต้องการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมสามารถเดินทางมาศึกษาหลักสูตรระดับปริญญาโทในช่วงกลางวันหรือช่วงเย็นได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่านักศึกษาจะเลือกศึกษาด้วยวิธีใด ต่างก็จะได้รับปริญญาจากวิทยาเขตสหรัฐเมริกาซึ่งมีชื่อเสียงในด้านความเป็นเลิศและนวัตกรรมในระดับสากล
ในแง่ของการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 นั้น Mr. Thakur ชี้แจงว่ามหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ ประเทศไทยมีบทบาทในการช่วยสนับสนุนและขัดเกลาความสามารถของนักศึกษาไทยเพื่อให้มีความสามารถและประสบความสำเร็จมากกว่าคนรุ่นเดียวกันในประเทศเพื่อนบ้าน
“ที่เว็บสเตอร์ เราไม่มองว่าเราจะได้ประโยชน์อะไรจาก AEC แต่เรามองว่าเราจะมีส่วนช่วยได้อย่างไรในแง่ของการเสริมความแข็งแกร่งทางทักษะให้คนไทย เพื่อที่จะได้พร้อมเตรียมรับความสำเร็จในอนาคต” Mr. Thakur อธิบาย
Dr. Julian Z. Schuster อธิการบดีและรองประธานอาวุโส มหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ ซึ่งจะเดินทางมาเยือนวิทยาเขตประเทศไทย กล่าวว่า ปี 2558 นี้เป็นปีแห่งการฉลองความสำเร็จครบรอบ 100 ปีของมหาวิทยาลัยฯ ที่เปิดการเรียนการสอนให้นักศึกษา โดยมีประสบการณ์การเรียนรู้ที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ และเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ประสบความสำเร็จต่อไปในภายภาคหน้า
“เมื่อเดือนที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ได้เริ่มฉลองครบรอบ 1 ศตวรรษที่เมืองเซ็นต์หลุยส์ โดยได้รับหนังสือแสดงความยินดีจากนายบารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่งสาสน์มาแสดงความยินดีที่มหาวิทยาลัยฯ มีประวัติศาสตร์มาครบรอบ 100 ปี” Dr Schuster กล่าว
คนดังที่จบจากมหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์มีทั้งเซเลบริตี้ นักการเมือง นักธุรกิจ นักกีฬา และอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึง Eileen Collins นักบินหญิงคนแรกและผู้บัญชาการกระสวยอวกาศคนแรกชาวอเมริกัน, Marsha Mason นักแสดงชาวอเมริกันและผู้กำกับโทรศัพท์ซึ่งเคยได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ และ Susilo Bambang Yudhoyono ประธานาธิบดีประเทศอินโดนีเซีย