วันนี้ (1 ธันวาคม 2557) เวลา 09.00 น. นายกฤษณ์ เสสะเวช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด หรือ BAM ลงนามในสัญญาร่วมกับนายพรสนอง ตู้จินดา ประธานคณะ เจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และนายภานพ อังศุสิงห์ ผู้บริหารสายงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ของ BAM ณ ห้องประชุม ชั้น 17 อาคาร BAM สำนักงานใหญ่
นายกฤษณ์ เสสะเวช กรรมการผู้จัดการใหญ่ BAM กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ถือหุ้นกู้มีสิทธิให้ผู้ออกหุ้นกู้ทำการไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนด อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.33 ต่อปี มูลค่า 4,500 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการรับซื้อรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และเป็นเงินหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ รวมถึงการชำระคืนเงินกู้ยืม ซึ่งหุ้นกู้ของบริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ AA-(tha) แนวโน้มอันดับเครดิตที่เป็นลบ โดยบริษัท ฟิตช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ขณะเดียวกัน BAM ได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้งให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่าย โดยเสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนสถาบันเป็นอย่างดี เนื่องจากผู้ลงทุนแสดงความต้องการลงทุนสูงกว่ามูลค่าหุ้นกู้ที่บริษัทต้องการ บริษัทจึงตัดสินใจเพิ่มวงเงินหุ้นกู้จากเดิมที่ตั้งใจไว้เพียง 3,000 ล้านบาท และทำการจัดสรรหุ้นส่วนเกินจากจำนวนหุ้นที่ตั้งใจจะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุน (Greenshoe Option) อีกจำนวน 1,500 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทจะเสนอขายหุ้นกู้ในวันที่ 8-9 และวันที่ 11 ธันวาคม 2557 โดยเป็นการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรกของบริษัท
นายกฤษณ์ กล่าวอีกว่า BAM เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีเป้าหมายสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการแก้ไขสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของประเทศจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ให้กลับมาเป็นสินทรัพย์ ที่มีคุณภาพและหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ โดยการเข้าร่วมประมูลซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (Non Performing Loans หรือ NPL) เข้ามาบริหารจัดการบนพื้นฐานการเจรจาประนอมหนี้เป็นหลัก และการบริหารจัดการสินทรัพย์รอการขาย (Non Performing Assets หรือ NPA) โดยการพัฒนาปรับปรุงทรัพย์ให้มีสภาพดีพร้อมใช้ประโยชน์และเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น เพื่อจำหน่ายให้กับบุคคลภายนอกต่อไป ซึ่ง ณ ปัจจุบัน BAM มีพอร์ทลูกหนี้ NPL คิดเป็นภาระหนี้รวมกว่า 397,000 ล้านบาท และมีทรัพย์สินรอการขาย NPA รวมมูลค่ากว่า 39,000 ล้านบาท
ในปี 2556 ที่ผ่านมา BAM มีผลเรียกเก็บ 16,605 ล้านบาท มีรายได้จากการดำเนินงาน 8,572 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 6,767 ล้านบาท แบ่งเป็นกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 3,983 ล้านบาท และรายได้ส่วนแบ่งผลกำไรจากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) 2,784 ล้านบาท และสำหรับปี 2557 ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือน ที่ผ่านมา (มกราคม – กันยายน 2557) BAM สามารถทำผลเรียกเก็บได้ถึง 12,032 ล้านบาท มีรายได้จากการดำเนินงาน 6,711 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 4,093 ล้านบาท