นายณัฐ วงศ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ “เป็นการจับมือร่วมกันครั้งแรกระหว่าง FamilyMart และ The 1 Card ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการพัฒนาลอยัลตี้โปรแกรม ผ่านบัตรเดอะวันการ์ด (The 1 Card) บัตรที่เป็นทั้งบัตรส่วนลดและบัตรสะสมคะแนน ใช้ได้ทั้งบริษัทในเครือเซ็นทรัล กรุ๊ป และเป็นครั้งแรกของธุรกิจ Convenience Store และบัตร The 1 Card ที่จะทำกิจกรรมการตลาดร่วมกันเพื่อเสริมความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ด้วยการซินเนอร์ยี่ (Synergy) พันธมิตรในกลุ่มธุรกิจเซ็นทรัล กรุ๊ป มอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้ลูกค้าสามารถช้อปปิ้งได้อย่างคุ้มค่า และจากการร่วมมือกันครั้งนี้มั่นใจว่า ในปี 2558 จะทำให้ยอดขายของ FamilyMart เติบโตขึ้น 3.5% และคาดว่าลูกค้าที่มีบัตร The 1 Card จะมาซื้อสินค้าที่ FamilyMart จำนวน 300,000 ราย "บัตร The 1 Card จะเริ่มใช้ที่ร้าน FamilyMart ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป และเนื่องจากร้าน FamilyMart เป็นธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่มีลูกค้าหลากหลาย เราจึงจำเป็นต้องพัฒนาความต้องการของลูกค้าให้สอดคล้องกัน นั่นคือ ทุกการซื้อ 25 บาทลูกค้าจะได้รับ 1 คะแนน ซึ่งความแตกต่างของการใช้บัตร The 1 Card ที่ร้าน FamilyMart กับบริษัทอื่นๆในเครือเซ็นทรัล กรุ๊ป คือ ลูกค้าสามารถนำคะแนนขั้นต่ำสุด คือ 80 คะแนน มาแลกคูปองแทนเงินสด 10 บาทที่ร้าน FamilyMart ในขณะที่บริษัทอื่นๆในเครือ ต้องใช้ 800 คะแนน จึงจะสามารถแลกคูปองแทนเงินสด 100 บาท ซึ่งลูกค้าใหม่นอกจากจะสามารถสมัครสมาชิกที่ร้าน FamilyMart ได้ฟรี! จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม อีกทั้งเรายังได้เตรียมกิจกรรมทางการตลาดไว้อีกมากมายอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยใช้งบ 20 ล้านบาทสำหรับทำการตลาด สร้างการรับรู้ในกลุ่มลูกค้า และได้เตรียมโปรโมชั่นอีกมากมาย ภายใต้แนวคิด "ยิ่งซื้อเยอะ...ยิ่งได้เยอะ" อาทิ
- รับคะแนนสูงสุด 200 คะแนน จากสินค้าพิเศษที่ร่วมรายการ
- ซื้อสินค้าทุก 50 บาท รับทันที 10 คะแนน, 100 บาท รับ 20 คะแนน, 150 รับ 30 คะแนน, 200 บาทรับ 40 คะแนน ( ยกเว้น เหล้า เบียร์ บุหรี่ บัตรเติมเงินทุกชนิด นมผงสูตรสำหรับเด็กทุกชนิด น้ำตาล และ สินค้าการกุศล ตั้งแต่วันนี้ – 31มกราคม 58 )
นอกจากนั้นในปี 2558 ยังได้จัดให้มีกิจกรรมการตลาดอีกมากมาย อาทิ "FamilyMart POP UP STORE" หรือ ร้านแฟมิมีลี่มาร์ท เฉพาะกิจในรูปแบบ Kiosk ที่ให้บริการเฉพาะลูกค้าที่นำคะแนน The 1 Card มาแลกซื้อสินค้าเท่านั้น โดยตั้งเป้าเปิด FamilyMart POP UP STORE จำนวน 10 ร้าน ในโลเคชั่นของเซ็นทรัลพัฒนา, เซ็นทรัล ดีพาร์ทเมนต์สโตร์, โรบินสัน ดีพาร์ทเมนต์สโตร์ เป็นต้น มั่นใจว่ากิจกรรมทางการตลาดที่เราเตรียมไว้ จะสามารถสร้างการรับรู้และจูงใจให้ลูกค้าสนใจอยากเป็นสมาชิก The 1 Card และนำบัตรมาใช้เป็นส่วนลดและสะสมคะแนนที่ร้าน FamilyMart ตามเป้าที่วางไว้อย่างแน่นอน”
ด้านนายระวี พัวพรพงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ผู้บริหารบัตร The 1 Card กล่าวว่า “ปัจจุบัน The 1 Card มีฐานลูกค้าอยู่กว่า 5 ล้านราย ความสำคัญของการเปิดตัวครั้งนี้ สอดรับแผนธุรกิจของบัตร The 1 Card ที่ในปีนี้จะเพิ่มเครือข่ายพันธมิตร และต่อยอดธุรกิจออกไปอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งยังเพิ่มความหลากหลายให้กับลูกค้า สิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับคือ การสะสมคะแนน (Earn) ได้แก่ ซื้อสินค้าครบทุก 25 บาท รับคะแนนสะสม 1 คะแนน และการใช้คะแนนสะสมจากการซื้อสินค้า ผ่านบัตร The 1 Card ไปแลกซื้อสินค้าในราคาพิเศษ ( Redeem Point ) เช่น แลก 80 คะแนน รับคูปองแทนเงินสด 10 บาท / แลก 200 คะแนน รับคูปองแทนเงินสด 25 บาท / แลก 400 คะแนน รับคูปองแทนเงินสด 50 บาท / แลก 800 คะแนน รับคูปองแทนเงินสด 100 บาท นำมาแลกซื้อสินค้าสุดคุ้ม ได้ทุกรายการ ที่ร้านแฟมิลี่มาร์ท ตลอด 24ชม. อาทิ แลกสินค้า กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น สำหรับลูกค้าที่ยังไม่เคยมีบัตร The 1 Card สามารถสมัครเป็นสมาชิกได้ที่ร้านแฟมิลี่มาร์ท ทุกสาขา โดยสมาชิกใหม่จะได้รับหมายเลขสมาชิก บัตร The 1 Card ทันที และสามารถนำไปใช้สะสมคะแนนได้เลย นอกจากนี้ยังเพิ่มช่องทางการแลกคะแนนใหม่ล่าสุด ผ่านระบบ USSD บนโทรศัพท์มือถือได้ทุกเครือข่าย ลูกค้าสามารถลงทะเบียนขอใช้สิทธิผ่านทาง SMS ครั้งเดียว ก็สามารถแลกคะแนนได้เลยทันทีที่ เบื้องต้นเริ่มรายการแลกคะแนนผ่านระบบ USSD (*769*) แลกรับคูปองแทนเงินสด”
นายระวี ย้ำว่า บริษัท กลุ่มเซ็นทรัลให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลักและเพื่อมอบสิทธิประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้าจึงได้มีการร่วมมือกันระหว่างกลุ่มธุรกิจในเครือ (business unit) ผ่านบัตรเดอะวันการ์ด ณ ปัจจุบันจำนวนสมาชิกมีประมาณ 5.1 ล้านราย และในปี 2015 จำนวนสมาชิกจะเพิ่มขึ้นเป็น 8.8 ล้านราย
ขณะเดียวกัน แฟมิลี่มาร์ท ยังคงจัดแคมเปญใหม่ๆ และทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ได้สร้างความคึกคักให้กับธุรกิจ Convenience Store รวมไปถึงการจับมือร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ ล่าสุดได้มีการจับมือร่วมกับ CenPay เป็นธุรกิจการให้บริการรับชำระค่าสินค้าและบริการ ภายใต้สโลแกน CenPay ครบ ง่าย ทุกการจ่ายบิล โดยผ่านระบบชำระเงินของ mPAY ซึ่งมีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือ โดยสามารถชำระค่าสินค้าและบริการที่มีความหลากหลายและครอบคลุมสินค้าและบริการกว่า 100 รายการ ทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิผลในด้านการเก็บเงินจากลูกค้าให้มีความสะดวกมากขึ้น เนื่องจากลูกค้าสามารถชำระเงินได้หลายแห่ง และการร่วมมือกับแฟมิลี่มาร์ทเป็นครั้งแรกนี้ จะเป็นอีกก้าวย่างหนึ่ง ในการเพิ่มช่องทางการให้บริการของ CenPay ซึ่งเป็นการขยายช่องทางให้กับลูกค้าที่ต้องการชำระบิลของสินค้าและบริการ ได้ที่แฟมิลี่มาร์ทกว่า 1,000 สาขา ทั่วประเทศ ตลอด 24 ชม.
ด้าน นายสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดวานซ์ เอ็มเปย์ จำกัด กล่าวว่า “mPAY ภายใต้การดูแลของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS มีประสบการณ์ในการให้บริการรับชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการต่างๆ อย่างครบวงจรมากว่า 10 ปี โดยมีการพัฒนาขีดความสามารถในการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การผสานความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการที่ต้องการทำธุรกรรมทางด้านการเงิน สามารถใช้บริการได้ในหลากหลายช่องทาง สำหรับวันนี้ mPAY มีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้นำระบบการชำระเงินของ mPAY ที่มีความปลอดภัยขั้นสูง มาให้บริการเริ่มต้นที่ร้านแฟมิลี่มาร์ท ภายใต้ชื่อ CenPay ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยให้ลูกค้าสามารถชำระค่าสินค้าหรือบริการต่างๆ ที่แฟมิลี่มาร์ท ได้หลากหลายประเภทเพิ่มขึ้น ถือเป็นการตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบายให้ลูกค้าได้อย่างแท้จริง”
นายณัฐ กล่าวทิ้งท้ายว่า “การให้บริการ CenPay เป็นบริการที่ดีมากตอบโจทย์ให้แก่ทุกฝ่าย ทั้งแฟมิลี่มาร์ท CenPay และที่สำคัญที่สุดคือลูกค้า ลูกค้าสามารถนำใบแจ้งหนี้ไปชำระเงินได้ที่ร้านแฟมิลี่มาร์ท ที่มีป้ายโลโก้ จ่ายบิล CenPay ด้านหน้าร้าน ซึ่งบริการของบริษัท หรือ billers ที่เข้าร่วมโครงการ อาทิเช่น การประปา ,การไฟฟ้า, AIS ,กลุ่ม True, บัตรเครดิตเซ็นทรัลการ์ด, อิออน, ธนสินทรัพย์, โตโยต้าลิสซิ่ง, เมืองไทยประกันชีวิต, กรุงเทพประกัน พร้อมให้บริการในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป ที่ร้านแฟมิลี่มาร์ท กว่า 1,000 สาขาทั่วประเทศ ฟรี! ค่าธรรมเนียมทุกการชำระบิล ถึง 31 มีนาคม 2558”