ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร “บ. ศรีสวัสดิ์พาวเวอร์ 1979” ที่ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

จันทร์ ๒๙ ธันวาคม ๒๐๑๔ ๐๙:๔๕
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรให้แก่ บริษัท ศรีสวัสดิ์พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงประวัติอันยาวนานในการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกันและคณะผู้บริหารซึ่งมากด้วยประสบการณ์ การจัดอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงความสามารถในการทำกำไรในระดับที่น่าประทับใจ ตลอดจนระดับฐานทุนที่เพียงพอ และช่องทางการให้สินเชื่อที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศจากการเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ ประวัติการบริหารสินเชื่อขนาดใหญ่ของบริษัทซึ่งยังมีอยู่ค่อนข้างสั้น ภาวะการแข่งขันที่รุนแรง และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทที่มีความอ่อนไหวเป็นอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดและมีผลประกอบการที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อเอาไว้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ด้วยเช่นกัน

ในปี 2522 ครอบครัวแก้วบุตตาซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในปัจจุบันของบริษัทศรีสวัสดิ์พาวเวอร์ 1979 ได้เริ่มธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกันโดยใช้รถยนต์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ต่อมาในปี 2550 ครอบครัวแก้วบุตตาได้ขายธุรกิจทั้งหมดซึ่งขณะนั้นบริหารจัดการภายใต้บริษัท ศรีสวัสดิ์ อินเตอร์เนชั่นแนล 1991 จำกัด ให้แก่สถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ในขณะที่บริษัทยังคงสินเชื่อคงค้างเอาไว้ ในปี 2552 ครอบครัวแก้วบุตตาได้กลับมาเริ่มขยายสินเชื่ออีกครั้งภายใต้บริษัทจัดตั้งขึ้นใหม่ที่ซื้อกิจการมา คือ บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท พาวเวอร์ 99 จำกัด) ในปี 2554 สินเชื่อทั้งหมดของบริษัทศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ ถูกโอนมายังบริษัทศรีสวัสดิ์พาวเวอร์ 1979 ซึ่งเป็นบริษัทที่ครอบครัวแก้วบุตตาก่อตั้งขึ้นในปี 2551 นับตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา ธุรกิจหลักของบริษัทก็เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลซึ่งมีหลักประกันเป็นสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้แก่ รถจักรยานยนต์ รถยนต์ ที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งบริษัทได้ขยายธุรกิจผ่านการเพิ่มจำนวนสาขาอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ ในปี 2557 บริษัทได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรกทำให้ทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 250 ล้านบาทเป็น 1,000 ล้านบาท โดยบริษัทใช้เงินจากการเพิ่มทุนเพื่อการชำระหนี้และการขยายสินเชื่อ

ปัจจุบันผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทคือครอบครัวแก้วบุตตาซึ่งถือหุ้นประมาณ 56% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด บริษัทยังมีบริษัทย่อยอีก 2 แห่งซึ่งประกอบด้วย บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด ซึ่งให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่และสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน และ บริษัท บริหารสินทรัพย์ ศรีสวัสดิ์ จำกัด ซึ่งให้บริการจัดเก็บหนี้และดำเนินธุรกิจซื้อหนี้เสียมาบริหาร ในขณะที่บริษัทซึ่งเป็นบริษัทแม่ ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกันโดยมียานพาหนะทุกชนิดเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน (ได้แก่ รถจักรยานยนต์ใช้แล้ว รถยนต์ รถบรรทุก ฯลฯ) หรือที่ดินและอสังหาริมทรัพย์

หนึ่งในกลยุทธ์หลักของบริษัทคือการขยายเครือข่ายสาขาในพื้นที่ต่างจังหวัดซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 จำนวนสาขาของบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า เป็น 814 สาขา จาก 258 สาขาในปี 2554 ส่งผลให้สินเชื่อของบริษัทเติบโตขึ้นจาก 2,829 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 5,722 ล้านบาทในปี 2556 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 42% สินเชื่อคงค้างของบริษัท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 7,102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากสิ้นปี 2556 ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 สินเชื่อคงค้างของบริษัทประกอบด้วยสินเชื่อที่มีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถกระบะเป็นหลักประกัน 56.6% สินเชื่อที่มีรถจักรยานยนต์ใช้แล้วเป็นหลักประกัน 16.3% สินเชื่อที่มีรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์เป็นหลักประกัน 11.9% สินเชื่อที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกัน 9.6% สินเชื่อที่มีรถจักรยานยนต์ใหม่เป็นหลักประกัน 3% สินเชื่อที่มีที่ดินเป็นหลักประกัน 1.2% และสินเชื่อที่มียานพาหนะอื่น ๆ เป็นหลักประกัน 1.2% ทั้งนี้ สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันคิดเป็น 0.3% ของสินเชื่อคงค้างทั้งหมด

อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อค้างชำระมากกว่า 90 วัน) ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยอัตราส่วนลดลงจากระดับสูงสุดที่ 10.6% ณ สิ้นปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ มาอยู่ที่ระดับ 5.4% ณ สิ้นปี 2555 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 5.5% และ 6.4% ณ สิ้นปี 2556 และสิ้นเดือนกันยายน 2557 ตามลำดับจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองและสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม บริษัทใช้เกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อบนพื้นฐานความระมัดระวังและมีอัตราส่วนการปล่อยสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันที่ระดับต่ำ ส่งผลให้บริษัทมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ระดับประมาณ 60%

ผลประกอบการของบริษัทเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 26 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 405 ล้านบาทในปี 2555 และเติบโตอีก 42% มาอยู่ที่ระดับ 575 ล้านบาทในปี 2556 ในขณะที่อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 1.6% ในปี 2554 เป็น 10.8% ในปี 2555 และ 10.9% ในปี 2556 รายได้สุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 เท่ากับ 588 ล้านบาท และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเท่ากับ 8.6% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี)

การเสนอขายหุ้นแก่สาธารณชนเป็นครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2557 ทำให้ฐานทุนของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นจาก 18.7% ณ สิ้นปี 2556 เป็น 40% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 41.5% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 นอกจากนี้ การที่บริษัทแสดงผลกำไรอย่างสม่ำเสมอตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมายังทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ นับว่าฐานทุนของบริษัทในขณะนี้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเพียงพอสำหรับรองรับการขยายสินเชื่อในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ระดับต่ำกว่า 1.5 เท่า ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557

บริษัทมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีระดับความเสี่ยงสูงและค่อนข้างอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงในทางลบของภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้น นโยบายการอนุมัติเครดิตอันเข้มงวดของบริษัท ตลอดจนกระบวนการจัดเก็บหนี้ที่เพียงพอ และฐานทุนที่แข็งแกร่งจะช่วยจำกัดและดูดซับความเสี่ยงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วทำให้บริษัทต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ความสามารถในการบริหารจัดการฐานสินเชื่อขนาดใหญ่ ตลอดจนสร้างผลประกอบการที่น่าประทับใจ และดำรงคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้

บริษัท ศรีสวัสดิ์พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) (SAWAD)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๕ เม.ย. Electronic Nose นวัตกรรมตรวจวัดกลิ่น! เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี กรมอนามัย ร่วม MOU กรมควบคุมมลพิษ และ 4 หน่วยงานรัฐ - เอกชน
๒๕ เม.ย. ITEL ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 68 ไฟเขียวอนุมัติแจกวอร์แรนต์ฟรี ลุยขยายธุรกิจ
๒๕ เม.ย. สวทช. โดย นาโนเทค เฟ้นหา 8 ผู้ประกอบการ ต่อยอดนวัตกรรมสมุนไพรสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง
๒๕ เม.ย. คาเฟ่ แคนทารี ชวนมาลิ้มลองเมนูพิเศษประจำเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน 2568 อร่อยครบเครื่องทั้งรีซอตโตต้มยำ เครป
๒๕ เม.ย. ซีพี ออลล์ x มูลนิธิชาวปักษ์ใต้ ร่วมสนับสนุนทุนการศึกษาเพื่ออาชีพแก่เยาวชนในจังหวัดภาคใต้
๒๕ เม.ย. ซีพีแรม ดีเดย์ เปิดเวที FINNOVA 2025 : ยกระดับความรู้สู่นวัตกรรมอาหาร ปักหมุดไทยศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารโลก
๒๕ เม.ย. ดีไซน์เพื่อชีวิตที่ไม่หยุดนิ่ง: อาดิดาส ออริจินอลส์ เผยโฉม ADIZERO ARUKU พร้อมพื้นรองเท้าแบบโปรเกรสซีฟ
๒๕ เม.ย. พรีโม จับมือ Q-CHANG จัดทัพทีมช่างกว่า 2,000 ทีม! ยกระดับบริการซ่อมห้องชุด ตอกย้ำแนวคิด Primo Happy Maker
๒๕ เม.ย. ครั้งแรก กับ Dance (แดนซ์) Glossy Body Hair Perfume Mist น้ำหอม 2-in-1 พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ เก๋ไก๋ บุกใจกลางกรุง ชวนสาวๆ
๒๕ เม.ย. SCB CIO ชี้ 3 ปัจจัยกระทบตลาดการเงินฉุดสินทรัพย์ทั่วโลกผันผวน แนะระวังการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เพิ่มน้ำหนักหุ้นกู้ระยะสั้นคุณภาพดี และ