นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) บริษัทอีเว้นท์อันดับ 7 ของโลก ผู้นำด้านครีเอทีฟอีเว้นท์ ในภูมิภาคอาเซียนกล่าวว่า ในปี 2557 ที่ผ่านมา สถานการณ์อีเว้นท์ในประเทศไทย เริ่มฟื้นตัว และกลับมาคึกคักมากขึ้น โดยจากการส่งสัญญานของภาคเอกชน ในส่วนของอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท อาทิ ธุรกิจสินค้าประเภทเครื่องใช้อุปโภค และบริโภค ธุรกิจอาหาร ธุรกิจเครื่องดื่ม ที่เริ่มกระตุ้นตลาด ด้วยการอัดแคมเปญ และโปรโมชั่นต่างๆ หลากหลายวิธี ดึงดูดให้ผู้บริโภคเกิดการจับจ่ายใช้สอยในการซื้อสินค้า รวมถึงงานใหญ่จากทางภาครัฐบาลมาช่วยกระตุ้นภาพรวมของอีเว้นท์ ทำให้ภาพรวมอีเว้นท์ ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2557 จากการมูลค่าของตลาดรวมของอุตสาหกรรมอีเว้นท์ ในปีที่แล้ว (2556) ซึ่งมีมูลค่า 13,500 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขในปี 2557 ลดลงถึง 12% อยู่ที่ประมาณ 11,880 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนในเรื่องการเมืองเมื่อตอนต้นปี 2557 ที่ผ่านมา
ในส่วนของงานอีเว้นท์ในประเทศไทย สำหรับอินเด็กซ์ฯ ได้รับงานใหญ่จากภาคเอกชน ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งเป็นลูกค้าประจำ และใช้งบประมาณประจำปีอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว อาทิ งานเคาท์ดาวน์ 6 จังหวังทั่วประเทศ งานใหญ่ปลายปี ของลูกค้ากลุ่มแอลกอฮอลล์ ส่วนงานระดับภูมิภาคอาเซียนที่เพิ่งผ่านไป อย่างงาน เมียนมาร์ อคาเดมี อวอร์ด (Myanmar Academy Award) งานอีเว้นท์ใหญ่อันดับ 3 ของเมียนมาร์ รวมถึงการจัดงานให้กับลูกค้าที่เป็นแบรนด์ระดับต่างประเทศอีกหลากหลายสินค้า ด้านผลประกอบของอินเด็กซ์ฯ ในปีม้าที่ผ่านมา ลดลงตามภาวะตลาด แต่ในปีนี้ อินเด็กซ์ฯ จะเน้นที่งานต่างประเทศมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะตลาดพม่า นับเป็นตลาดที่อินเด็กซ์ฯ มีความแข็งแรงมากที่สุด โดยมีโมเดลขับเคลื่อนด้วย 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.อีเว้นท์ มาร์เก็ตติ้ง (Event Marketing) 2. Integrated Media Platform 3.การวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค 4. การจัดเทรดโชว์และเอ็กซิบิชันอย่างมืออาชีพ 5. ธุรกิจท่องเที่ยว จัดโชว์ “ดันดารี (Dandaree) สำหรับตลาดในประเทศ ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยลบ และปัจจัยบวกทางสถานการณ์บ้านเมือง ถือเป็นตัวแปรที่สำคัญสำหรับงานอีเว้นท์อย่างมาก อีเว้นท์ เป็นตลาดที่ sensitive มาก” นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน กล่าวทิ้งท้าย