นายวิเชียร พงศธร ประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อคนไทย เปิดเผยว่า “งานคนไทยขอมือหน่อยปี 2” ที่จะถึงนี้ ได้รับเสียงตอบรับอย่างดียิ่งจากองค์กรภาคธุรกิจที่เป็นองค์กรระดับประเทศเป็นผู้ร่วมจัดครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นหอการค้าไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และอีกหลายองค์กร จึงตั้งเป้าหมายงานให้เป็น “โซเชียล เอ็กซ์โป” ระดับประเทศ พื้นที่ร่วมที่คนทุกกลุ่มสามารถสนับสนุนการทำงานเพื่อสังคมได้ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ให้เกิดขึ้น เป็นระบบนิเวศน์ทางสังคมที่เกิดจากการทำงานร่วมกันของผู้คนที่หลากหลาย
“สำหรับ 140 องค์กรผู้จัดร่วม งานคนไทยขอมือหน่อยจะเป็นกลไกเชื่อมต่อการแลกเปลี่ยนทรัพยากรระหว่างกัน ซึ่งไม่ใช่แค่การระดมทุนเท่านั้น แต่ยังเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ ทักษะ ความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ ที่จำเป็นต่อการยกระดับงานพัฒนาสังคมของประเทศ ขณะที่สำหรับประชาชนทั่วไป งานนี้จะเปิดพื้นที่ให้ทำความรู้จักองค์กรสาธารณประโยชน์ต่างๆ เพื่อจะได้มีช่องทางการลงมือทำเพื่อสังคม หลายท่านบอกอยากจะช่วยสังคมแต่ยังขาดแผนที่ ที่สำคัญ การเชื่อมต่อของกลุ่มเป้าหมายทั้งสองกลุ่มนี้ ไม่ได้มีเฉพาะวันงานเท่านั้น ผู้จัดร่วมต่างเห็นพ้องต้องกันแล้วครับว่า จบงานนี้สังคมไทยจะได้เห็นโครงการเพื่อสังคมที่เป็นการทำงานร่วมกันของคนจากภาคส่วนต่างๆ มากขึ้น” ประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อคนไทยกล่าว
ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า คนไทยขอมือหน่อย ปี 2 ได้พัฒนาและยกระดับจากแนวคิดการทำงานเพื่อสังคมหรือ “จิตอาสา” เป็น “Social Expo” ทำให้เกิดพื้นที่สร้างสรรค์ เกิดการแลกเปลี่ยนความคิด แลกเปลี่ยนทรัพยากรระหว่างภาคประชาสังคม (Active Citizenship) กับภาคธุรกิจ และภาคตลาดทุน (Corporate Citizenship) และภาคส่วนอื่นๆ เช่น สถาบันการศึกษา
สสส. พร้อมร่วมสร้างกลไกกับภาคีจากองค์กรต่างๆ สร้างเครื่องมือนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ประชาชนสามารถ มีส่วนร่วมแก้ปัญหาสังคมได้ และเห็นผลปฏิบัติได้จริง ด้วยกลยุทธ์ สร้างกระแส สนับสนุนให้เกิดการลงมือ แบ่งปันประสบการณ์ การสร้างแรงบันดาลใจ ผ่านช่องทางต่างๆ เชื่อมโยงผู้คนเข้าหากัน ทั้งหมดนี้เพื่อสนับสนุนให้คนไทยเป็นพลเมืองอาสา ที่เป็นพลังการพัฒนาประเทศอย่างแท้จริงและยั่งยืน
นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและรองประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า หอการค้าไทยมีพันธกิจสำคัญในการแก้ปัญหาสังคมมากว่า 30 ปี ที่ผ่านมาเน้นแก้ปัญหาในประเด็นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำ อันเป็นที่มาของการเกิดโครงการ 1 ไร่ 1 แสน โครงการ 1 บริษัท 1 ชุมชน แต่ปัญหาสังคมไทยวันนี้ทวีความซับซ้อนมากขึ้น ทุกปัญหาเกี่ยวโยงกันหมด เห็นได้ชัดเจนจากกรณีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ดังนั้น ถึงเวลาที่หอการค้าไทยจำเป็นต้องทำงานร่วมกันกับภาคส่วนอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานร่วมกับภาคสังคม และเห็นด้วยว่าการสร้างเครื่องมือใหม่ๆ ให้คนไทยมีส่วนร่วมแก้ปัญหาเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
“ที่ผ่านมา หอการค้าไทยได้ทำโครงการ 1 ไร่ 1 แสน จนเกิดการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้จริง ปีนี้ ยังจะมีโครงการเพื่อสังคมอีกหลายโครงการที่หอการค้าเข้าไปมีส่วนร่วมกับภาคสังคม เป็นมิติใหม่ของภาคธุรกิจที่สังคมไทยจะได้เห็นในปีนี้ครับ”
นายวิบูลย์ ลีรัตนขจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเซิร์ช กล่าวว่า จากประสบการณ์การเป็นผู้ร่วมจัดงานคนไทยขอมือหน่อยปีแรกได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก และได้เรียนรู้ว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังขาดข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางการเข้าถึงงานเพื่อสังคมอยู่ไม่น้อย นับเป็นเรื่องดีที่จะมีพื้นที่สื่อสารอย่างงานคนไทยขอมือหน่อยที่มีรูปแบบการนำเสนองานภาคสังคมมิติใหม่ที่ดูทันสมัย และมีเนื้อหาสาระกึ่งงานบันเทิงให้ประชาชนทั่วไปได้มาพบปะทำความรู้จักกับคนทำงานภาคสังคมที่มาจากทุกภาคส่วน ทั้งนักธุรกิจ นักลงทุน รวมทั้งคนบันเทิงที่ยินดีมาช่วยงานนี้ในฐานะเป็นศิลปินคอยสร้างสีสันให้กับการระดมทุนตลอดสองวันงาน
“ผมเองเป็นทั้งสื่อและเป็นทั้งคนในวงการบันเทิงรู้สึกชื่นชมที่ประเทศไทยมีงานดีๆ แบบนี้ ช่วยกันนะครับ ลองมาดูมาชมงานนี้แล้วท่านจะทราบว่า การลงมือทำเพื่อส่วนรวมทำได้ตลอดเวลาแม้ในสถานการณ์ปกติ ยิ่งเมื่อเกิดกรณีภัยพิบัติ การเรียนรู้เรื่องช่องทางการช่วยสังคมยิ่งจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเราแน่นอนครับ”