ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 1024 คู่สัญญา แบบ 10 บาทอยู่ที่ 6910 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 5.7 % แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 14.4 % GFG14 ปิด 19,620 บาท และ GFJ14 ปิด 19,720บาท GF10G14 ปิดที่ 19,610 บาท GF10J14 ปิดที่ 19,710 บาท
สัญญา Comex เพิ่มขึ้น 30.3 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,264.80 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX ลดลง 2.23 เซนต์ ปิดตลาดที่ระดับ 46.25 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ถือครองทองคำอยู่ที่ระดับ 717.15 ตัน (ซื้อเข้า 9.56 ตัน)
ข่าวที่สำคัญ
ทองคำปรับตัวขึ้นหลังจาก ธนาคารกลางสวิสฯ (SNB) ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรที่ระดับ 1.20 พร้อมปรับลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ -0.75% จากระดับ -0.25% เพื่อควบคุมไม่ให้สกุลเงินสวิสฯแข็งค่ามากเกินไป และป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจสวิสฯเข้าสู่ภาวะถดถอย
อย่างไรก็ดี ราคาทองคำยังขึ้นไปทดสอบจุดสูงใหม่บริเวณ 1,266 เหรียญ/ออนซ์ โดยปรับขึ้นกว่า 2.45% เพราะได้รับแรงหนุนเพิ่มจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงกว่า 100 จุด หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง ซึ่งหลังจากที่ทองคำทะลุบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน บริเวณ 1,253 เหรียญ/ออนซ์ แนวต้านสำคัญระยะสั้นถัดไปของทองคำจะอยู่ที่ระดับ 1,280 เหรียญ
นักวิเคราะห์จาก AG BANK กล่าวว่า ธนาคารกลางสวิสฯไม่เห็นหนทางใดที่ดีในอนาคต เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ยังคงอยู่ในทิศทางที่แข็งค่า ขณะที่เศรษฐกิจรัสเซียอยู่ในแนวโน้มที่ไม่สดใส และอีซีบีมีแนวโน้มจะประกาศใช้ QE รวมถึงผลกระทบจากภาคส่งออกและภาคธนาคารขนาดใหญ่ในประเทศที่เริ่มประสบภาวะชะลอตัว จึงส่งผลให้ธนาคารกลางสวิสฯ ประเมินว่า ปัจจัยเหล่านี้อาจสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจสวิสฯ
อย่างไรก็ดี การประกาศดำเนินการดังกล่าวของ SNB ส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลดลง จึงทำให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำในฐานสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง ขณะที่ค่าเงินฟรังค์สวิสเมื่อเทียบกับยูโรปรับตัวลดลงกว่า 41% จากระดับ 1.20 ยูโร/ฟรังก์สวิส สู่ระดับ 0.8400 ยูโร/ฟรังก์สวิส และปรับตัวสูงขึ้นกว่า 33% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ที่ระดับ 0.8052 ดอลลาร์/ฟรังก์สวิส ขณะที่ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ตอบรับในทันทีโดยปรับตัวลง 1.8% สู่ระดับ 1.1574 ยูโร/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในเดือนพฤศจิกายน 2003
นักวิเคราะห์ ระบุว่า นโยบายของ SNB สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจยูโรโซน จึงทำให้อีซีบีต้องประกาศเข้าซื้อพันธบัตรเพิ่มเติมครั้งในเพื่อสกัดกั้นภาวะเงินฝืดในการประชุมสัปดาห์หน้า และการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศทั้งหมด เพราะจะสร้างแรงกดดันต่อภาคอุตสาหกรรมการส่งออก ภาคการท่องเที่ยว และการจ้างงานภายในประเทศ
ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าลงสู่ระดับ 1.1612 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1778 ยูโร/ดอลลาร์ และเช้านี้แข็งค่าต่อที่ระดับ 1.1607 ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลดลงมาสู่ระดับ 92.19 จาก 92.35 หลังจากดัชนี PPI แสดงให้เห็นว่าแรงกดดันเงินเฟ้อในระดับผู้ผลิตยังอ่อนแรง จึงอาจส่งผลให้เฟดไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้
ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่ออกมาไม่สดใสวานนี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น 19,000 ราย สู่ระดับ 316,000 ราย โดยมีคนว่างงานเพิ่มสูงขึ้นในรอบกว่า 6 สัปดาห์ ขณะที่ดัชนีภาคการผลิตประจำฟิลาเดเฟียออกมาแย่ลงสู่ระดับ 6.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2013
นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในเดือนธันวาคมของสหรัฐฯ ยังคงทรงตัวที่ระดับต่ำมากที่สุดในรอบ 3 ปี (ตุลาคม ปี 2011) ที่ระดับ -0.3% จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง
แหล่งข่าวภายใน เผยว่า บีโอเจจะดำเนินการปรับทบทวนคาดการณ์เงินเฟ้อ (CPI) ฟื้นฐานของปีงบประมาณ 2015 สู่ระดับ 0-0.5% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1.7% ในการประชุมสัปดาห์หน้า หลังจากน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงกว่า 44%
ธนาคารกลางอินเดียประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 7.75% โดยเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 2 ปี เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในประเทศเริ่มชะลอตัวลง
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด -2.23 เหรียญ ที่ระดับ 46.25 เหรียญ/บาร์เรล เพราะได้รับแรงกดดันหลังจากโอเปค กล่าวว่า อุปทานน้ำมันที่มีมากเกินไปในขณะนี้อย่างน้อย 1 ล้านบาร์เรล/วัน เป็นปัจจัยที่กดดันต่อราคาน้ำมันปีนี้ ขณะที่ภาวการณ์ซื้อขายในตลาดโลกยังเป็นไปอย่างซบเซา
ตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดความผันผวนจากการประกาศนโยบาย SNB โดยข่าวดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปปิด +2.58% แต่กดดันให้ตลาดดาวโจนส์ปิด -0.61% หรือร่วงลงกว่า 106.38 จุด และทำให้ตลาดดาวโจนส์ยังคงปิดในแดนลบ 5 วันทำการ ( 5 วันตลาดหุ้นดาวโจนส์ร่วงลง 587.16 จุด)
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นดาวโจนส์ยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ รวมถึงผลประกอบการที่ย่ำแย่ของกลุ่มแบงก์ในสหรัฐฯ
เช้านี้ ดัชนีนิกเกอิเปิด -1.73% เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์ก ขณะที่การแข็งค่าของเงินเยนยังฉุดรั้งหุ้นกลุ่มส่งออกให้ปรับตัวลดลงด้วย
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืน
PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.2 % ตัวเลขที่ออกมาอยู่ที่ระดับ -0.3%
Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 297 K ตัวเลขที่ออกมาอยู่ที่ระดับ 316K
Core PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.0 % ตัวเลขที่ออกมาอยู่ที่ระดับ 0.3%
Empire State Manufacturing Index ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -3.6 ตัวเลขที่ออกมาอยู่ที่ระดับ 10.0
Philly Fed Manufacturing Index ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 24.5 ตัวเลขที่ออกมาอยู่ที่ระดับ 6.3
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้
CPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.3 % ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ -0.3%
Core CPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1% ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 0.1%
Prelim UoM Consumer Sentiment ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 93.6 ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 94.2
TIC Long-Term Purchases ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -1.4B ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 27.3 B
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงหลังจากที่ธนาคารกลางสวิสฯ (SNB) ประกาศที่จะไม่ผูกติดค่าเงินฟรังก์สวิสกับยูโรที่ระดับ 1.2 ทำให้ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวตามสภาพความเป็นจริง ขณะเดียวกันประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ -0.75% ทำให้ค่าเงินฟรังก์สวิสแข็งค่าอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับยูโร/ดอลลาร์ และดอลลาร์/ฟรังก์สวิส กว่า 10%จึงมีผลทันทีและทำให้ราคาทองคำช่วงต้นแกว่งและดีดตัวสูงขึ้นทันทีในช่วงต้นทันทีกว่า 20 เหรียญจากระดับ 1,232 เหรียญ มาสู่ระดับ 1,253 เหรียญในทันที และเคลื่อนไหวทันทีในตลาด COMEX ในระดับ 1,260 เหรียญและยืนอยู่ไดตลาดการซื้อขายเมื่อคืนนี้ การที่สวิสไม่ผูกติดกับค่าเงินยูโร เนื่องจากมีความกังวลว่าอีซีบีจะใช้มาตรการ QE อีก 5 แสนล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งสวิสฯเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ของโลก นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่ายูโรมีโอกาสร่วงลงหรือต่ำกว่า 1.0 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นเช่นกัน หลังจากหลุดแนวรับสำคัญ 32.80 บาท/ดอลลาร์ โดยเช้านี้ร่วงลงมา 32.70 บาท/ดอลลาร์แล้ว จึงมองว่าค่าเงินบาทเองมีทิศทางจะแข็งค่าขึ้น ขณะที่ทองคำได้รับอานิสงค์ในเชิงบวกจากการเกิดวิกฤตการณ์ความเชื่อมั่นทางด้านค่าเงินสกุลต่างๆในโลกขณะนี้
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำทะลุแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,257 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับเส้นค่าเฉลี่ยสำคัญของรายวันและรายสัปดาห์ รวมถึง 1 เดือนทำให้ราคาทองคำทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว เริ่มกลับมาเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งเดิมทีตามที่ได้วิเคราะห์แล้วว่าทองคำเป็นขาขึ้นแต่ระยะยาวเป็นขาลงนั้น ถ้าราคายืนเหนือ 1,260 เหรียญได้ในอีก 2 วันทำการ ในระยะยาวในกราฟรายสัปดาห์จะเป็นการยืนยันการขึ้นของทองคำแบบถาวร ซึ่งคาดว่าจะขึ้นได้อีกสักระยะหนึ่ง อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ วันนี้คาดว่าจะเคลื่อนตัวในกรอบ 1,250-1,280 เหรียญ โดยที่วิเคราะห์ว่ายังเป็นแนวโน้มทิศทางขาขึ้น แต่ราคาน่าจะมีการแกว่งตัวค่อนข้างมาก แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 1,250 และ 1,235 เหรียญตามลำดับ แนวต้านสำคัญ 1,280 และ 1,310 เหรียญตามลำดับ
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
กลยุทธ์แนวโน้มขาขึ้น
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
ปิดขายทำกำไรเป็นช่วงๆ
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
แนะนำให้ปิดสถานะ Short หรือทำ Stop Loss เพื่อควบคุมความเสี่ยงหรือขาดทุน
กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading
บริหารพอร์ทสมดุล หากราคายืนเหนือ 1,260 เหรียญได้ในอีก 2 วันทำการ ในระยะยาวในกราฟรายสัปดาห์จะเป็นการยืนยันการขึ้นของทองคำแบบถาวร
Gold Futures G15 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,600 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,800 บาท
Gold Futures J15 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,700 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,900 บาท
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง
ประชาสัมพันธ์:
1. เนื่องในวันจันทร์ที่ 19 มกราคม 2558 เป็นวันหยุดต่างประเทศในวัน Martin Luther King Jr.Day ระบบ Gold Online และ Gold Phone จะเปิดทำการตั้งแต่เวลา 08.30-00.00น. โดย P/O Real Time จะมีผลในช่วงที่ตลาดเปิดทำการเท่านั้น และตลาดจะกลับมาเปิดให้บริการตามปกติอีกครั้งในเช้าวันอังคารที่ 20 มกราคม 2558
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 02-770-7777
1. MTS Gold เชิญลูกค้าสมาชิกเข้าร่วมงานสัมมนา “ทำกำไรในทองคำโดยใช้กราฟทางเทคนิค 3 ระดับ” ร่วมบรรยายโดย นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ
โดยระดับที่ 1 จัดขึ้นในวันที่ 19 มกราคม 2558 ณ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น 17 และ 2 กุมภาพันธ์ 2558 ณ สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 12 เวลา 15.00-17.00น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 02-770-7777
2. MTS Gold ประกาศปรับ Rate อัตราดอกเบี้ยเงินวางค้ำประกันของ Gold Spot และ Gold Futures จากระดับ 0.90% สู่ระดับ 1.00% ต่อปี โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 02-770-7777
3. นักลงทุนสามารถติดตามการวิเคราะห์ตลาดทองคำและตลาดอนุพันธ์ (ช่วงเช้า) กับ MTS Gold ได้ในรายการ “รู้ทองรวยเงิน” ทางช่อง TNN24 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.10-10.15น.
4. รายการ Gold Tonight by MTS Gold ปรับเปลี่ยนเวลาใหม่ให้เร็วขึ้น ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 21.00-21.05น. ทางช่อง Money Channel ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.58
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม: 02 770 7777
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง
MTS Research
MTS Gold Group
Phone: 02-770-7777
Fax: 02-623-9366
Email: [email protected]
Website: http://www.mtsgold.co.th