ในช่วงที่มีความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศอยู่นี้ การฟ้องคดีต่อศาลอาญาของโจทก์ มีอยู่หลายกรณีที่โจทก์มิได้มีความมุ่งหวังจะให้ศาลลงโทษจำเลยจริงๆ โดยโจทก์รู้อยู่แก่ใจดีว่าคดีเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง และรู้อยู่แก่ใจดีอีกว่าโจทก์เองไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย แต่โจทก์ฟ้องเพียงเพื่อหวังผลทางการเมือง โดยโจทก์รู้ดีว่าเมื่อยื่นฟ้องไปแล้วก่อนจะตัดสินยกฟ้อง ศาลต้องมีระเบียบพิธีตามที่กำหนดไว้ ระเบียบพิธีนี้ทำให้ดูเหมือนว่า ผู้ถูกฟ้องคดีถูกกระบวนยุติธรรมทางอาญาเล่นงานเข้าแล้ว ยิ่งการถูกฟ้องคดีของผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญด้วยแล้ว สื่อมวลชนจะให้ความสนใจกระพือข่าว คือโจทก์ต้องการสร้างความวุ่นวายใจให้แก่ผู้ถูกฟ้องเท่านั้น การใช้สิทธิของโจทก์ในลักษณะนี้ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและไร้ศักดิ์ศรี เป็นการไม่เคารพยำเกรงอำนาจศาล
การใช้ศาลเป็นเครื่องมืออย่างนี้ ในวงการกฎหมายถือเป็นเรื่องน่ารังเกียจและนักกฎหมายที่มีจริยธรรม ไม่ทำกัน เป็นการสร้างภาพให้นักกฎหมายเป็นคนฉลาดแกมโกง อันมีผลให้วิชาชีพกฎหมายถูกดูแคลน ในประเทศที่เจริญแล้ว นักกฎหมายประเภทนี้จะถูกชุมชนทางวิชาชีพกดดันจนทำมาหากินไม่ได้ แต่การบังคับใช้มาตรฐาน ทางจริยธรรมทางวิชาชีพในประเทศไทยอ่อน นักกฎหมายประเภทนี้จึงมีอยู่มาก การกระทำอย่างนี้ยังถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในทางก่อความรำคาญแก่ศาล ซึ่งอาจมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลได้อีกด้วย