เคที ออพติค ร้านแว่นตาระดับพรีเมี่ยม จัดแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ต้อนรับปี 2558 “KT OPTIC BIG GIFT X2” (เคที ออพติค บิ๊ก กิ๊ฟ คูนสอง) ตั้งแต่วันนี้ – 28 กุมภาพันธ์นี้ ที่ร้านเคที ออพติคทุกสาขา ชิงรางวัลมูลค่ารวมถึง 1,000,000 บาท เพื่อขอบคุณและคืนกำไรมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับลูกค้าเคที ออพติค การันตีความเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในตลาดที่กล้าจัดแคมเปญสุดยิ่งใหญ่นี้ คาดจบแคมเปญจะสร้างยอดขายเพิ่มสูงถึง 20 ล้านบาท พร้อมยังคงตอกย้ำภาพลักษณ์ของร้านในด้านแฟชั่น ความเป็นเทรนดี้ ความเรียบหรูดูดีมีสไตล์ ชูการทำกลยุทธ์ทางการตลาด เน้นเรื่อง แบรนด์สินค้าระดับพรีเมี่ยม และการให้บริการที่เป็นเลิศ ถือเป็นกลยุทธ์หลักของร้าน พร้อมรับการเปิดตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เมินการแข่งขันการจัดโปรโมชั่นด้วยสงครามราคา
นายนายชัชวาลย์ วณิชไพสิฐ ผู้อำนวยการด้านการบริหาร บริษัท เคที ออพติค จำกัด (Mr.Chatchavan Vanitpaisit – Director Executive, KT OPTIC Ltd. ) เปิดเผยถึงการดำเนินธุรกิจร้านแว่นตา เคที ออพติค ในปี 2557 ที่ผ่านมาว่า “ในปี 2557 ที่ผ่านมา การดำเนินธุรกิจของร้านเคที ออพติคนั้น โดยภาพรวมถือได้ว่าเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ มีการขยายสาขาเพิ่มถึง 10 สาขา เป็นสาขาในกรุงเทพจำนวน 5 สาขา และต่างจังหวัดอีก 5 สาขา รวม ณ ปัจจุบันร้านเคที ออพติค มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 188 สาขา สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 800 ล้านบาท เป็นผลจากการจัดแคมเปญประจำปีของร้าน การนำเข้าสินค้ารูปแบบใหม่ของแต่ละแบรนด์ และแต่ละช่วง Season หรือเทรนด์แฟชั่นใหม่ๆ ที่กำลังฮอทฮิท รวมถึงการนำเข้าแบรนด์สินค้าใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งแว่นตากันแดด ยังคงมียอดขายที่สูงกว่าแว่นสายตา โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 70:30 เนื่องจากแว่นตากันแดดนั้น ลูกค้าสามารถเลือกรูปแบบที่ชอบและทดลองสวมใส่ได้ทันทีโดยไม่ต้องทำการตรวจวัดสายตา เมื่อเห็นว่าเข้ากับรูปหน้า พอใจในรูปแบบ คุณภาพและราคา ลูกค้าก็จะตัดสินใจซื้อในทันที ส่วนแบรนด์ที่มียอดขายดีที่สุดก็ต้องยกให้ เรย์แบน (RAYBAN) และ ไอซีเบอริน (ic! berlin)
แบรนด์ยอดนิยมที่คนทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดี”
สำหรับการดำเนินธุรกิจร้านเคที ออพติค ในปี 2558 นี้ ได้วางงบประมาณทางการตลาดรวมทั้งสิ้น 30 ล้านบาท แบ่งเป็นงบด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การจัดแคมเปญอีเวนท์ต่างๆ รวมถึงการขยายสาขาเพิ่ม เรายังคงรุกเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่และขยายสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้เน้นขยายในโซนกรุงเทพเป็นหลักเพิ่มอีก 5 สาขา ได้แก่ เดอะ พาซิโอ พาร์ค (The Paseo Park) กาญจนาภิเษก ประมาณเดือนมีนาคม / เจมาร์เก็ต แอท รามอินทรา (J Market @ Ramintha) ประมาณเดือนสิงหาคม / เมโทร อีส ทาวน์ (Metro East Town) ประมาณช่วงไตรมาศ 3 / แฟชั่นไอสแลนด์ (Fashion Island) ประมาณเดือนพฤศจิกายน และ โชว์ ดีซี (Show DC) ประมาณช่วงปลายปี เจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่มีรายได้ปานกลางไปจนถึงรายได้สูง หรือระดับบีบวกขึ้นไป
ด้านภาพลักษณ์ร้านเคที ออพติค เรามีจุดยืนที่ชัดเจนซึ่งยังคงย้ำในด้านของแฟชั่น มีความเป็น เทรนดี้ และก็ต้องมีความเรียบหรูดูดีมีสไตล์ ในปีนี้เราต้องการชูให้เห็นถึงการทำกลยุทธ์ทางการตลาดที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เคที ออพติค ของเราไม่เน้นการจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้า ไม่แข่งขันด้วยการทำสงครามราคา กลยุทธ์ที่เราทำเพื่อมัดใจลูกค้าสร้างให้เกิดแบรนด์รอยัลตี้ยิ่งๆ ขึ้นไปนั้นก็คือ เราเน้นหนักในเรื่องการคัดสรรนำเข้าแบรนด์สินค้าระดับพรีเมี่ยมที่มีคุณภาพ สินค้า Limited Edition เพิ่มความหลากหลาย และความเป็นเอ็กคลูซีพของแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมากยิ่งขึ้น เป็นผู้นำเทรนด์ อัพเดทแฟชั่นแว่นตาใหม่ล่าสุด มานำเสนอให้กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างสูงสุด และที่สำคัญคือเน้นการให้บริการที่เป็นเลิศ มีบริการหลังการขาย สร้างความความมั่นใจให้กับผู้บริโภค รวมถึงการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการให้บริการของเคที ออพติค โดยเราได้จับมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่ลาซาด้า ให้บริการการสั่งซื้อสินค้าของเคที ออพติค ทางออนไลน์ผ่าน www.lazada.co.th และ www.ktoptic.com อย่างไรก็ตามช่องทางการจัดจำหน่ายหลักของเรายังคงเน้นการขายสินค้าหน้าร้านที่มีการให้บริการพร้อมสรรพ และมีสินค้าแบรนด์พรีเมี่ยมระดับโลกที่หลากหลาย
พร้อมกันนี้ในแต่ละปี เราจะมีการจัดแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ประจำปี ซึ่งได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบสร้างสรรค์ให้สอดคล้องกับเทรนด์ในแต่ละช่วงนั้นๆของปี และยังเพิ่มมูลค่า พร้อมเลือกสรรของรางวัลให้โดนใจ เป็นที่ต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการขอบคุณและคืนกำไรให้กับลูกค้า ซึ่งเรายังคงดำเนินการจัดแคมเปญลักษณะนี้ต่อเนื่องมาเป็นประจำในทุกๆ ปี โดยเมื่อเดือนธันวาคมปลายปีที่แล้ว ต่อเนื่องจนถึงต้นปี 58 ปัจจุบันนี้ เราจัดแคมเปญ “KT OPTIC BIG GIFT X2” (เคที ออพติค บิ๊ก กิ๊ฟ คูนสอง) ส่งท้ายปี 2557 ต้อนรับปีใหม่ 2558 การันตีความเป็นเจ้าแรก!!! และเจ้าเดียวในตลาดที่กล้าจัดแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้ เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้ – 28 กุมภาพันธ์นี้ ที่ร้านเคที ออพติคทุกสาขา ชิงรางวัลมูลค่ารวมถึง 1,000,000 บาท เพียงลูกค้าซื้อสินค้ากับร้านเคที ออพติค ครบทุก 5,000 บาท จะได้รับสิทธิ์ 1 สิทธ์ ร่วมชิงรางวัล ลุ้นรับรถจักรยานยนต์เวสป้า 5 รางวัล , รถจักรยานยนต์ซูมเมอร์เอ็ก 4 รางวัล , โทรศัพท์มือถือไอโฟน 6 รุ่น 16G 10 รางวัล ยิ่งช้อปมากยิ่งมีสิทธิ์มาก ร่วมลุ้นจับฉลากผู้โชคดีได้ในวันที่ 10 มีนาคม 2558 ซึ่งเมื่อแคมเปญสิ้นสุดลงในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ คาดว่าเคที ออพติค จะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากแคมเปญนี้ถึง 20 ล้านบาท โดยเราตั้งเป้าผลประกอบการในปี 58 นี้ไว้ว่าจะสามารถสร้างยอดขายเติบโตขึ้น 5% หากการดำเนินธุรกิจเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งการเติบโตดังกล่าวเราคาดหวังเน้นยอดขายจากการเปิดสาขาใหม่ และนั่นจะทำให้เคที ออพติคมีส่วนแบ่งในตลาด 15 %
สำหรับภาพรวมธุรกิจตลาดแว่นตาของไทยนั้น ในปี 2557 ที่ผ่านมาธุรกิจตลาดแว่นตามีมูลค่ารวมกว่า 6,500 ล้านบาท ซึ่งยังคงมีการแข่งขันที่สูง โดยส่วนใหญ่ผู้ประกอบการธุรกิจแต่ละเจ้านั้น เน้นแข่งขันกันด้วยการห่ำหั่นทำสงครามราคา ลดราคาเอาใจผู้บริโภค ซึ่งผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดก็คือผู้บริโภคนั่นเอง ส่งผลให้ภาพรวมตลาดแว่นตาในปี 57 ยังเติบโตเฉลี่ยประมาณ 5% และคาดว่าในปีนี้ตลาดแว่นตาจะมีความคึกคัก และมีการแข่งขันที่สูงมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
นายชัชวาลย์ ได้กล่าวต่อถึงความพร้อมในการเปิดตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปลายปีนี้ว่า “เมื่อมีการเปิดตลาด AEC อย่างเป็นทางการแล้ว ตลาดแว่นตาบ้านเราจะมีความคึกคักมากขึ้น มีสีสันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เป็นผลจากการแข่งขันที่รุนแรงของผู้ประกอบการทั้งในประเทศ และผู้ประกอบการจากประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียนที่เข้ามาลงทุนเปิดธุรกิจแว่นตาในบ้านเรา ทางเคที ออพติคเองก็ได้เตรียมความพร้อมขยายฐานลูกค้าในกลุ่มประเทศประชาคมอาเซียนเพิ่มขึ้น โดยได้วางแผนขยายสาขาเพิ่มในต่างจังหวัดที่มีพื้นที่ติดแถบชายแดนอย่างเช่น จ.อุดรธานี จ.หนองคาย เป็นต้น ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปีหน้า 2559 จากที่เราเคยมองว่า อาจจะร่วมทุนในธุรกิจตลาดแว่นตากับผู้ประกอบการในกลุ่มประเทศประชาคมอาเซียด้วยกัน แต่เมื่อได้ทำการศึกษาตลาดอย่างละเอียดแล้ว เราเล็งเห็นได้ว่าจังหวัดที่อยู่แถบชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มประเทศ AEC ที่ทำการค้าขายระหว่างกันนั้น อัตราการเติบโตของมูลค่าการค้าแถบชายแดนของไทยและเพื่อนบ้านมีอัตราที่เติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากนโยบายเศรษฐกิจและการค้าเสรี ทำให้ประชาชนในประเทศเพื่อบ้านส่วนใหญ่มาซื้อสินค้าในบ้านเรามากยิ่งขึ้น เราจึงได้ปรับทิศทางและแผนงานการดำเนินธุรกิจของเราใหม่ นอกจากการขยายสาขาเพิ่มในจังหวัดแถบชายแดนแล้วในปีหน้า 2559 เราจะมีร้านรูปแบบใหม่ในลักษณะของแฟรนไชส์ ใช้ชื่อ “Wakeup” (เวคอัพ) โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าระดับมหาวิทยาลัย คนเริ่มทำงาน และกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบทางด้านแฟชั่น”