กรุงเทพฯ--5 ม.ค.--เมืองไทยประกันภัย
“บอสใหญ่” เมืองไทยประกันภัย ลงพื้นที่ 6 จังหวัดภาคใต้ สั่งการตั้งสาขา และสำนักงานตัวแทนเป็น “ศูนย์รับแจ้งเหตุ” พร้อมแบ่งทีมเจ้าหน้าที่ 3 ทีม “แจ้งเหตุ-ค้นหา-ประเมินผล” เข้าถึงลูกค้าผู้เอาประกันอย่างทั่วถึง เพื่อช่วยพลิกฟื้นธุรกิจดั่งเดิม
นายภูมิชาย ล่ำซำ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด เปิดเผยถึง ทันทีที่เกิดเหตุการณ์มหันตภัยคลื่นยักษ์ถล่ม 6 จังหวัดภาคใต้ ได้มีการสั่งการให้สาขา และสำนักงานตัวแทนในพื้นที่ที่เกิดเหตุทั้งหมดเปิดให้บริการแก่ผู้เอาประกันทั้งจากที่เป็นลูกค้าของบริษัทเอง และผู้เอาประกันจากบริษัทประกันวินาศภัยอื่นๆ เพื่อให้บริการรับแจ้งเหตุ ให้คำปรึกษา-สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนของลูกค้าผู้เอาประกัน พร้อมกันนี้ได้มีทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่แบ่งออกเป็น 3 ทีม คือ ทีมรับแจ้งเหตุ ทีมค้นหา-ตรวจสอบ และทีมช่าง-ประเมิน เพื่อเป็นการเข้าถึงในการให้บริการ และห่วงใยลูกค้าผู้เอาประกันที่ไม่สามารถติดต่อกับทางบริษัทฯ
“ผม และคุณนวลพรรณ พรรณเชษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ของเราให้บริการ และดูแลลูกค้าของเราให้ดีที่สุด และในวันนี้ได้ลงพื้นที่ด้วยตัวเอง ทั้งนี้จากการที่ได้ส่งทีมงานเจ้าหน้าที่มาดูแลตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 2547- 2 ม.ค. 2548 (วันนี้) ได้รับรายงานถึงและสรุปภาพรวมการจ่ายค่าสินไหมทดแทนของลูกค้าบริษัทโดยประมาณ 120 ล้านบาท แบ่งเป็น Non-motor ประมาณ 100 กว่าล้านบาท และ Motor ประมาณ 20 ล้านบาท” นายภูมิชาย กล่าว
สำหรับลักษณะของความเสียหายของลูกค้าผู้เอาประกันกับบริษัทฯ นั้น ส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินแตกหักจากการกระแทก /เปียกน้ำ มีบางอย่างก็สูญหาย ทั้งนี้สามารถแบ่งเป็นประเภทธุรกิจรีสอร์ท และโรงแรม ได้แก่ สีลันตา รีสอร์ท มายา รีสอร์ท โรงแรม ซี เพริทซ์ โรงแรม อวันติกา ประเภทธุรกิจเรือนำเที่ยว ได้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด อัสดง และบ้านอยู่อาศัย ส่วนของประเภทรถยนต์นั้นได้รับรายงานและแจ้งเหตุเข้ามาเป็นจำนวน 24 ราย
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทต้องขอแสดงความเสียใจ และขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ประสบมหันตภัยคลื่นยักษ์ครั้งนี้ ทั้งนี้บริษัทได้มอบเงินบริจาคผ่านกรมการประกันภัย กระทรวงพาณิชย์ เป็นจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น ตลอดจนคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ และพนักงานก็ได้ร่วมบริจาคเครื่องใช้ และเงินผ่านหน่วยงานราชการในการตั้งรับความช่วยเหลือครั้งนี้--จบ--