นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า จากกรณีพบชายวัย ๗๖ ปี พิการขาไม่มีเรี่ยวแรง ไม่สามารถเดินได้ ใช้ชีวิตอยู่กับลูกสาววัย ๔๐ ปี ที่สติ ไม่สมประกอบ ด้วยความยากลำบาก ในบ้านสภาพเก่าใกล้ผุพัง ไม่มีแม้กระทั่งห้องน้ำและเตาหุงข้าว ที่จังหวัดสระแก้ว และอีกกรณีชายชราวัย ๗๓ ปี ร่างกายพิการไม่สามารถเดินได้ อาศัยอยู่เพียงลำพังในบ้านสภาพเก่า ทรุดโทรม เพื่อนบ้านเมตตาเอาอาหารมาให้รับประทานเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ ที่แขวงบางแวก กรุงเทพฯ จากทั้ง ๒ กรณีนี้ ตนได้กำชับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น จัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง และหากไม่มีผู้ดูแล ให้เจ้าหน้าที่รับตัวมาอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ในสังกัดกระทรวงฯต่อไป
นายเลิศปัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหานายหน้าค้าแรงงานเรือประมง พร้อมไต้ก๋งเรือที่กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ผู้อื่นปราศจากอิสรภาพ โดยกลุ่มแรกมีจำนวน ๒ ราย ซึ่งมีพฤติการณ์เป็นนายหน้าบังคับหลอกลวงจัดหาคนไปทำงานในเรือประมงในน่านน้ำต่างประเทศ ซึ่งสามารถจับกุมได้ในเรือประมงเขตจังหวัดสมุทรสงคราม ส่วนอีก ๑ รายอยู่ระหว่างการจับกุมติดตามตัว ซึ่งจากกรณีดังกล่าวตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามอย่าง นอกจากนี้ ตนยังกำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องติดตามกรณีกลุ่ม คนพิการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด ว่ากรุงเทพมหานคร และบริษัทระบบขนส่งมวลชน กรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ไม่จัดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการในรถไฟฟ้าบีทีเอส เนื่องจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส มีทั้งหมด ๒๓ สถานี แต่จัดทำลิฟต์โดยสารเพื่อคนพิการเพียง ๕ สถานี ซึ่งวันนี้ศาลฯ นัดอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์