20 ปีสมาคมโรงเรียนนานาชาติฯ ร่วมสานปณิธานพัฒนาเด็กไทยให้เป็น “Global Citizen”พร้อมส่งเสริมและพัฒนาระบบการศึกษานานาชาติที่มีคุณภาพให้ไทยก้าวสู่การเป็น Hub of International Education

พุธ ๒๘ มกราคม ๒๐๑๕ ๑๑:๐๐
-นายกสมาคมฯชี้มาตรฐานการศึกษานานาชาติในไทยปัจจุบันติดอันดับโรงเรียนชั้นนำของเอเชีย พร้อมเชิญนักการศึกษาชื่อดังระดับโลกถ่ายทอดความรู้ในการบรรยายพิเศษประเด็น Educational Trend in the 21th Century: East Meets West ในงานฉลองครบรอบ 20 ปีของสมาคมฯ ปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้-

สมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย(International Schools Association of Thailand: ISAT) ก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 ด้วยปณิธานและพันธกิจเพื่อมอบการศึกษาที่มีคุณภาพให้กับนักเรียน รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพมาตรฐานโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย ตั้งเป้าผลิตพลเมืองคุณภาพให้สังคมโลก มุ่งสร้างทักษะและการเรียนรู้ให้เด็กสามารถก้าวสู่โลกแห่งการเปลี่ยนแปลง ล่าสุดระบบการศึกษานานาชาติของไทยได้มาตรฐานติดอันดับโรงเรียนชั้นนำของเอเชีย เนื่องจากกลุ่มโรงเรียนนานาชาติในไทยมีจุดเด่นในแง่คุณภาพและมาตรฐาน รวมถึงค่าเล่าเรียนที่แข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านและทั่วโลกได้ และยังมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้าน เชื่อมั่นไทยมีความพร้อมจะเป็น Hub of International Education ของภูมิภาคได้หลังเปิดเขตเศรษฐกิจเสรีอาเซียน (เออีซี)

อาจารย์ อุษา สมบูรณ์ นายกสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย (ISAT) กล่าวถึงบทบาทหน้าที่ของสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นตัวแทนของโรงเรียนนานาชาติสมาชิกของสมาคมฯ 113 โรงเรียน จาก 147 โรงเรียนทั่วประเทศ ในการประสานงานการจัดการศึกษาหลักสูตรนานาชาติของประเทศ ร่วมกับหน่วยงานขององค์กรต่างๆของภาครัฐและเอกชน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีเกี่ยวกับการศึกษานานาชาติ รวมทั้งส่งเสริมคุณภาพของระบบการศึกษานานาชาติในประเทศไทย โดยสมาชิกของสมาคมมีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการพัฒนาการศึกษาที่มีคุณภาพและมุ่งเน้นที่เด็กเป็นสำคัญ เพื่อส่งเสริมให้โรงเรียนนานาชาติในประเทศได้มาตรฐานระดับนานาชาติซึ่งได้รับการยอมรับจากต่างประเทศทั่วโลก สร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการศึกษานานาชาติ (Hub of International Education) ของอาเซียน

สำหรับการเข้าร่วมเป็นโรงเรียนสมาชิกของสมาคมฯ โรงเรียนจำเป็นต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การจัดตั้งและการประกันคุณภาพการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ และเข้ารับการประเมินและการรับรองมาตรฐานการศึกษาจากสถาบันรับรองมาตรฐานสากลเช่นเดียวกับโรงเรียนนานาชาติทั่วโลก อาทิ WASC, CIS, NEASC หรือ CfBT ซึ่งเป็นองค์กรที่กระทรวงศึกษาธิการ และ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ให้การยอมรับ โดยปัจจุบันมาตรฐานการศึกษาของหลักสูตรนานาชาติในประเทศไทยถือได้ว่าอยู่ในอันดับต้นของเอเชีย

“สมาคมโรงเรียนนานาชาติฯ ปัจจุบันก่อตั้งขึ้นมาเป็นเวลา 20 ปี แล้ว และเราได้เตรียมจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 20 ปีนี้ โดยเราได้เชิญ ศาสตราจารย์ ดร.หยง เจา (Prof.Dr.Yong Zhao) ซึ่งเป็นนักการศึกษา นักวิชาการ นักเขียน และอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังของโลกมาบรรยายให้ความรู้และทัศนะด้านการศึกษาในศตวรรษที่ 21 หัวข้อ Educational Trend in the 21th Century: East Meets West ในวันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558 นี้ ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ นอกจากนี้ยังได้จัดให้มี สัมมนาในช่วงเช้าของวันเดียวกัน สำหรับครูและนักการศึกษา ในหัวข้อ World Class Learners: Educating Creative and Entrepreneurial Students ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจและจะเป็นประโยชน์กับบุคลากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาในบ้านเราเป็นอย่างยิ่ง” อ.อุษา กล่าว

ในส่วนของภาพรวมธุรกิจบริการโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยนั้น อ.อุษา ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมีโรงเรียนนานาชาติทั่วประเทศ จำนวน 147 แห่ง ในกรุงเทพฯและปริมณฑล 91 แห่ง และต่างจังหวัด 56 แห่ง มีจำนวนครูผู้สอนรวมประมาณ 6,176 คน และมีจำนวนนักเรียนที่ศึกษาในโรงเรียนนานาชาติประมาณ 42,024 คน (ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ปี 2556) สำหรับค่าเล่าเรียนเฉลี่ยต่อปี ของโรงเรียนนานาชาติในไทยถือว่าถูกกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบกับของต่างประเทศ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 600,000 บาทต่อคนต่อปี (2-2.2 หมื่นเหรียญสหรัฐฯ) ซึ่งถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียที่อยู่ที่ 2.5-2.6 หมื่นเหรียญสหรัฐ, ฟิลิปปินส์ 2.8-2.9 หมื่นเหรียญสหรัฐ, สิงคโปร์ 2.6-2.7หมื่นเหรียญสหรัฐ และ ฮ่องกง 2.7-2.8 หมื่นเหรียญสหรัฐ โดยเฉลี่ยจะมีโรงเรียนนานาชาติเปิดใหม่ปีละ 3-5 แห่ง และมีแนวโน้มเปิดใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อรองรับจำนวนนักเรียนที่มากขึ้นจากทั้งเด็กไทยและต่างชาติ ซึ่งไม่เพียงแต่โรงเรียนนานาชาติที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทย ยังมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาชิมลาง อาจเพราะมองเห็นว่าภูมิประเทศที่ตั้งของไทยและปัจจัยอื่นๆ ทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพเหมาะจะเป็นฮับทางการศึกษาเอเชียในอนาคต

“การศึกษานานาชาติในประเทศไทย ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ในแต่ละปี สามารถนำเงินเข้าประเทศได้ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท จากนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยซึ่งแต่ละปีมีจำนวนไม่น้อย ทั้งจากสถานทูต และบริษัทชั้นนำระดับโลก ซึ่งต่างมองหาโรงเรียนนานาชาติที่มีคุณภาพได้มาตรฐานในระดับสากลให้กับบุตรหลานของตน เมื่อนักลงทุนต่างชาติเหล่านั้นเห็นถึงศักยภาพและมาตรฐานของโรงเรียนนานาชาติในไทย ก็สามารถดึงให้เด็กเหล่านั้นเข้ามาเรียนในระบบการศึกษานานาชาติในไทยได้ สำหรับเด็กไทยก็ไม่จำเป็นต้องไปเรียนต่างประเทศ เป็นการช่วยประหยัด ไม่ให้เงินบาทรั่วไหนออกนอกประเทศ นับว่าเราเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเหลือเศรษฐกิจภายในประเทศได้ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม” นายกสมาคมโรงเรียนนานาชาติกล่าว

นอกจากนี้ อ.อุษายังกล่าวย้ำถึงจุดเด่นของโรงเรียนนานาชาติในเมืองไทย เมื่อเทียบกับประเทศข้างเคียงว่า นักเรียนที่จบจากโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยมีทักษะภาษาอังกฤษและความรู้ความสามารถด้านต่างๆอยู่ในอันดับต้นๆของเอเซีย และหลักสูตรนานาชาติในไทยยังเป็นที่ยอมรับทั่วโลกในเรื่องคุณภาพและมาตรฐาน โดยดูได้จาก ผลการสอบของนักเรียนนานาชาติที่สามารถวัดผลได้และเห็นได้จริง อย่างผลการทดสอบ ISA (International School Assessment) ปี 2014 ซึ่งเป็นการทดสอบคณิตศาสตร์และการอ่านของนักเรียนระดับ เกรด 3, 5, 7 และ 10 จาก 200 โรงเรียน ใน 60 ประเทศ เด็กนักเรียนของโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยสามารถทำคะแนนได้สูงกว่านักเรียนจากประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ ฟินแลนด์และอเมริกา และนักเรียนที่ผ่านการศึกษาระบบนานาชาติของไทย ยังสามารถเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลกได้มากมายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ ค่าเล่าเรียนโรงเรียนนานาชาติในไทยยังถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น สภาพทางภูมิศาสตร์ ทำเลที่ตั้งฯลฯ

“ด้วยที่ตั้งและยุทธศาสตร์ของประเทศไทยที่เป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนของอาเซียน ดึงดูดนักลงทุนและชาวต่างชาติเข้ามาจากทั่วโลก ตามมาด้วย โรงเรียนนานาชาติที่จะมารองรับลูกหลานของชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย สามารถขยายฐานเจาะกลุ่มนักเรียนไทยและนักเรียนจากประเทศเพื่อนบ้านได้ โดยเฉพาะมีแนวโน้มขยายไปจังหวัดที่มีชาวต่างชาติเข้ามาทำงานอยู่เป็นจำนวนมากอีกด้วย เช่น อุดรธานี อุบลราชธานี สามารถขยายฐานไปยังลูกค้าในลาวและกัมพูชาได้ ขณะที่บางจังหวัดที่มีโรงเรียนนานาชาติอยู่แล้ว ก็มีแนวโน้มที่จะเปิดโรงเรียนนานาชาติเพิ่มเติม เช่น ชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ เพราะเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจและเป็นจังหวัดที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ การเปิดประชาคมอาเซียนจะกลายเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญที่จะผลักดันให้ผู้ให้บริการศึกษาหลักสูตรนานาชาติของไทยขยายฐานไปสู่ประเทศอื่นในอาเซียน เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และ เวียดนาม ได้อย่างไม่ยาก และยังมีความเป็นไปได้ที่โรงเรียนนานาชาติของต่างชาติจะเข้ามาขยายสาขาในประเทศไทยเพิ่มเติมซึ่งถือเป็นผลดีกับเด็ก เพราะมีตัวเลือกเยอะขึ้นกว่าเดิม” อ.อุษาแนะนำ

สมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเป็นระยะเวลา 20 ปีแล้ว เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 โดยในยุคนั้น มีสมาชิกเพียง 5 โรงเรียนเท่านั้น จนปัจจุบันเติบโตจนมีสมาชิกถึง 113 โรงเรียน มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นศูนย์รวมการศึกษานานาชาติในประเทศไทย และเป็นผู้แทนโรงเรียนสมาชิก ในการดำเนินงานในสาระที่เกี่ยวข้องกับการศึกษานานาชาติทั้งมวล โดยให้บริการแก่สมาชิก และเพิ่มขีดขั้นศักยภาพ โรงเรียนสมาชิก ด้วยการส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพมาตรฐานด้านการศึกษา การเรียนรู้ของนักเรียน ตลอดจนคุณธรรม และจริยธรรมในการดำเนินงานจัดการศึกษานานาชาติในประเทศไทย ซึ่งไม่เพียงส่งผลดีต่อโรงเรียนนานาชาติในหมู่สมาชิก แต่ยังเอื้อประโยชน์สู่การพัฒนาการศึกษาของประเทศไทยอย่างเป็นองค์รวมอีกด้วย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๗ มี.ค. กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือ วิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก ปั้นแรงงานโลจิสติกส์ พร้อมลุยตลาดงาน
๐๗ มี.ค. คปภ. จับมือเครือข่ายพันธมิตรประกันภัย เปิดเวทีเสวนา ตื่นรู้ ปรับเปลี่ยน รับความเสี่ยงภัยจากสภาพภูมิอากาศในโลกใหม่ที่ต้องเผชิญ
๐๗ มี.ค. Carbon Markets Club ร่วมขับเคลื่อนตลาดคาร์บอนอาเซียน ผสานพลังภาครัฐและพันธมิตร สู่โครงสร้างมาตรฐานสากล
๐๗ มี.ค. เคอี กรุ๊ป ร่วมแสดงความยินดี คุณอัจฉรา บุรารักษ์ เนื่องในโอกาสเปิดร้านรส'นิยม (Ros'niyom)
๐๗ มี.ค. จังซีลอน ร่วมสนับสนุนการจัดงานมหกรรมกีฬาและดนตรี Air Sea Land Phuket 2025
๐๗ มี.ค. อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ สำรวจพบร่องรอย เมืองโบราณอีกเมือง ตั้งซ้อนทับ เมืองเก่านครราชสีมา
๐๗ มี.ค. กทม. นำร่องติดตั้งเสากั้นหน้าแพลตตินัม ประตูน้ำ ลดปัญหารถรับจ้างจอดแช่-แก้ปัญหาการจราจรติดขัด
๐๗ มี.ค. Lady Gaga ทวงบัลลังก์ราชินีป็อปแดนซ์ในอัลบั้มใหม่ MAYHEM ที่ทุกคนรอคอย ชวน Little Monsters ชาวไทย ฉลองคัมแบ็กสุดยิ่งใหญ่ ในงาน LADY GAGA - MAYHEM PARTY IN BANGKOK 19 มีนาคม ที่ BEEF
๐๗ มี.ค. DITP จัดกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการค้าระหว่างประเทศของไทย พร้อมเปิดตัวโลโก้ใหม่ภายใต้แนวคิด 3E CREATE POSSIBILITIES สร้างโอกาสการค้าไทยสู่ตลาดโลก 12
๐๗ มี.ค. Metal Valley จับหุ่นยนต์สุดน่ารัก ขุดแร่ สร้าง NFT เกมเรือธงจากความร่วมมือของ Extend Games, Bitkub Chain และ JFIN Chain เปิด Early Access แล้ววันนี้ บน Windows, Android และ