ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และแนวโน้ม “บ. โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น” ที่ “BBB+/Stable”

พุธ ๒๘ มกราคม ๒๐๑๕ ๑๘:๒๕
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจให้บริการด้านการออกแบบวิศวกรรม การจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ และการก่อสร้างแบบครบวงจร (Engineering, Procurement, and Construction: EPC) อีกทั้งยังมีความได้เปรียบด้านต้นทุนแรงงานวิศวกร และมีโครงการก่อสร้างที่ยังไม่ส่งมอบ (Backlog) ในระดับปานกลาง อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะที่ผันผวนของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ความเสี่ยงจากลักษณะงานโครงการ EPC โดยเฉพาะงานในต่างประเทศ และความเสี่ยงจากการลงทุนในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าในประเทศพม่า ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันในโครงการ EPC ภายในประเทศเอาไว้ได้ อัตราส่วนกำไรของบริษัทคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 6%-8% อันดับเครดิตอาจปรับขึ้นหากผลการดำเนินงานของบริษัทสูงกว่าประมาณการ อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มมีข้อจำกัดจากแผนการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ซึ่งจะกดดันสถานะทางการเงินของบริษัท ในขณะเดียวกัน อันเครดิตอาจปรับลดลงหากการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนสูงกว่าเกณฑ์อันดับเครดิตในปัจจุบัน ทั้งนี้ หากบริษัทมีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ การประเมินอันดับเครดิตและหรือแนวโน้มอันดับเครดิตจะพิจารณาความเสี่ยงจากการดำเนินงาน คุณภาพโครงการ และโครงสร้างการเงินของโครงการด้วย

บริษัทโตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่นเป็นผู้รับเหมาประเภท EPC ในประเทศไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2528 จากการร่วมทุนระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และ Toyo Engineering Corporation (TEC) ซึ่งเป็นบริษัท EPC ในประเทศญี่ปุ่น ในสัดส่วน 51% และ 49% ตามลำดับ ณ เดือนสิงหาคม 2557 TEC มีสัดส่วนการถือหุ้น 22.3% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท โดยมี Chiyoda Corporation จากประเทศญี่ปุ่นถือหุ้นในสัดส่วน 6% และ บริษัทอิตาเลียนไทย

ดีเวล๊อปเมนต์ เหลือสัดส่วนการถือหุ้น 3.3% ลูกค้าหลักที่บริษัทให้บริการประกอบด้วยลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เคมีภัณฑ์ โรงกลั่นน้ำมันและก๊าซ และพลังงาน

บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ชื่อเสียงซึ่งเป็นที่ยอมรับในผลงานที่มีคุณภาพมาจากการมีลูกค้าจำนวนมากที่มีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือเป็นสำคัญ ผลงานในอดีตที่เป็นที่ยอมรับ ประกอบกับความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์น่าจะช่วยให้บริษัทรักษาความเป็นผู้นำในตลาดรับเหมาก่อสร้างประเภท EPC ต่อไปได้ในระยะปานกลาง สถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทส่วนหนึ่งมาจากความได้เปรียบด้านต้นทุน โดยต้นทุนแรงงานวิศวกรภายในประเทศของบริษัทนั้นต่ำกว่าคู่แข่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการจากต่างประเทศ

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 บริษัทมีมูลค่างานในมือที่ยังไม่ส่งมอบจำนวน 2.7 หมื่นล้านบาท โดยมูลค่างานดังกล่าวจะทยอยรับรู้เป็นรายได้คิดเป็น 70% ของรายได้ในอนาคตของบริษัทในปี 2558 40% ในปี 2559 และ 25% ในปี 2560 ตามสมมติฐานของทริสเรทติ้ง

บริษัทลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าเพื่อให้เกิดรายได้ประจำ โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 บริษัทลงทุนมูลค่า 673 ล้านบาทเพื่อซื้อหุ้นบุริมสิทธิของ บริษัท นวนครการไฟฟ้า จำกัด คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 42% ซึ่ง บริษัทนวนครการไฟฟ้าดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมขนาด 110 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนและก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมขนาด 120 เมกะวัตต์ในเขต Ahlone เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า ชื่อโครงการ Ahlone มูลค่าโครงการ 5,500 ล้านบาทด้วย โดยบริษัทถือหุ้น 60% ในโครงการดังกล่าว การขยายงานรับเหมาก่อสร้างในต่างประเทศส่งผลให้ฐานรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่า 15,000 ล้านบาทในปี 2556 บริษัทยังมีแผนจะลงทุนและก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 1,280 เมกะวัตต์มูลค่าประมาณ 80,000-85,000 ล้านบาทในอนาคตด้วย

สถานะทางการเงินของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 ยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้ง ยกเว้นอัตราการทำกำไรของบริษัทที่ต่ำกว่าประมาณการ บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 อยู่ที่ 3.7% ลดลงจาก 5.3% ในปี 2556 ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานซึ่งไม่รวมโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 1,280 เมกะวัตต์ ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้รวมของบริษัทอย่างน้อยจะอยู่ที่ระดับ 15,000-18,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2558-2560 และยังคาดว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 6%-8% ในช่วงปี 2558-2560 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากรายได้จากโครงการ Ahlone ในขณะที่เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทน่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 600-700 ล้านบาทต่อปี

ในช่วงปี 2558-2560 ประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะรักษาระดับอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้ต่ำกว่า 1 เท่า สภาพคล่องของบริษัทเมื่อวัดจากอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมและอัตราส่วนกำไร (ก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) ต่อดอกเบี้ยจ่ายแล้วคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโครงการ Ahlone ในขณะที่แผนลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 1,280 เมกะวัตต์จะส่งผลให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ในช่วงปี 2558-2560 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมคาดว่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 20% และอัตราส่วนกำไรต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 4 เท่าหรือมากกว่า

บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TTCL)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB+

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

TTCL175A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ