ด้านสถานการณ์เศรษฐกิจและการลงทุนในช่วงนี้ นายชัชชัยกล่าวว่า “ล่าสุดจากการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% ตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ โดยมองว่าอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ ยังเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และยังจำเป็นต้องคงนโยบายการเงินที่ผ่อนปรนต่อไป เพื่อรอประเมินตัวเลขเศรษฐกิจไทย และทิศทางอัตราเงินเฟ้อไปอีกระยะหนึ่ง ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ได้มีมติจากการประชุม โดยเห็นพ้องให้คงอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% อย่างน้อยจนถึงกลางปีนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในอัตราที่แข็งแกร่ง อัตราการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และอัตราว่างงานได้ลดต่ำลง อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกที่ยังเติบโตในระดับต่ำ และหลายประเทศที่ยังคงเผชิญกับปัญหาหนี้สาธารณะสูงและการจ้างงานต่ำ ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปที่มีความเสี่ยงต่อการเข้าสู่ภาวะเงินฝืด ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะต้องติดตามและประเมินเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ในระยะยาวต่อไป ด้านเศรษฐกิจไทย แม้ได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงได้ช่วยลดต้นทุนการนำเข้าน้ำมันของไทยลง ประกอบกับนโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะช่วยพยุงให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้ในระดับปกติที่ 3.5-4.5%”
นายชัชชัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน ยู (KEFF3MU) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก Bank of China, เงินฝาก Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี, ตราสารหนี้ Yapi Kredi Bankasi A.S., ประเทศตุรกี, ตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., ประเทศบราซิล และตราสารหนี้ Agricultural Bank of China ด้านตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอวี (KEFF6MAV) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก Bank of China, เงินฝาก Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี, ตราสารหนี้ Yapi Kredi Bankasi A.S., ประเทศตุรกี, ตราสารหนี้ Standard Bank of South Africa, ประเทศแอฟริกาใต้ และตราสารหนี้ Agricultural Bank of China โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนทั่วไปที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศเพียงอย่างเดียว บลจ.กสิกรไทย ขอแนะนำกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน เอฟบี (KFI3MFB) ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Bank of China, เงินฝาก China Construction Bank Corporation, ตราสารหนี้ Standard Bank of South Africa, ประเทศแอฟริกาใต้ และตราสารหนี้ Agricultural Bank of China นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน KFI3MFB กองทุน KEFF3MU และกองทุน KEFF6MAV สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com