นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ กล่าวว่า “จากกรณีจำนำข้าวซึ่งเป็นหนึ่งใน 15 กรณีการโกงชาติที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ได้ประกาศและติดตามทวงถาม พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันจับตามองนั้น ในวันนี้เราได้มาถึงจุดที่อดีตผู้นำประเทศถูกถอดถอนเพราะล้มเหลวในการปกป้องประเทศจากการสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้ เกิดความเสียหายแก่เกษตรกร และประเทศไทยได้ขาดทุนไปกับโครงการนี้แล้วเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 5.39 แสนล้านบาทจากการเปิดเผยของทีดีอาร์ไอ เมื่อเดือน พ.ค. 57 ซึ่งหากรวมตัวเลขผลการตรวจสอบคุณภาพข้าวตามผลตรวจสอบชุด ม.ล. ปนัดดา ดิศกุล พบว่าข้าวต่ำกว่ามาตรฐาน 85% และข้าวหายอีก 2 แสนตัน จะทำให้ความเสียหายเพิ่มขึ้นเป็น 6.6 แสนล้านบาท"
“ผู้นำมีส่วนสำคัญที่สุดต่อการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน ไม่ว่าจะเป็นผู้นำประเทศ ผู้นำองค์กรขนาดใหญ่หรือเล็ก ทุกคนต้องมีความรับผิดชอบสูงสุดต่อผลที่จะเกิดขึ้น การแก้ไขเรื่องการโกงกินจะไม่มีวันเห็นผล หากผู้นำไม่เอาจริง วันนี้สังคมโลกถูกขับเคลื่อนภายใต้คำว่าความโปร่งใสและพลังประชาชน หากผู้นำคนใดไม่จริงจัง ไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ก็จะต้องเป็นคนแรกที่ต้องรับผิดชอบ ในเชิงกลับกัน หากผู้นำเข้มแข็งและจริงจัง การต่อสู้กับการคอร์รัปชันก็จะเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น”
ประธานองค์กรฯ กล่าวเสริมว่า "เราอยากจะย้ำว่าเป้าหมายปลายทางของการต่อสู้กับการโกงชาติของพวกเราประชาชนคนไทย ไม่ใช่การเอาผิดที่ตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เป็นการเอาคนทำผิดมาลงโทษไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นใคร มีตำแหน่งสูงหรือต่ำขนาดไหน เราอยากเห็นการบังคับใช้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ กระบวนการยุติธรรมทำงานอย่างรวดเร็วและอิสระ ไม่มีการเมืองแทรกแซง ประชาชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง เพื่อให้คดีทุจริตต่าง ๆ ทั้ง 15 คดีที่องค์กรฯ เคยประกาศต่อสาธารณชนไปแล้วได้รับการเร่งรัดให้ออกมาเป็นผลสำเร็จ เพื่อเป็นตัวอย่างให้ประเทศไทยเราปลอดคอร์รัปชันในอนาคตอันใกล้"
“วันนี้ต้องขอบคุณคนไทยทุกคนที่ไม่นิ่งดูดาย ช่วยกันขับเคลื่อน ช่วยกันกระจายข่าว ช่วยให้สังคมหูตาสว่าง เราขอแสดงความชื่นชมต่อการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งของ ป.ป.ช. คณะทำงาน ป.ป.ช. ต่างรู้ดีว่า งานชิ้นนี้เป็นงานที่ยากและซับซ้อนซ่อนเงื่อน แต่ ป.ป.ช. ก็สามารถดำเนินการตามขบวนการยุติธรรมจนเป็นผล จึงขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานทุกคน”
"องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ขอวิงวอนให้ประชาชนและสื่อมวลชนมาร่วมกันผนึกพลังช่วยกันต่อสู้กับการคอร์รัปชันต่อไป อย่าลืมง่าย อย่านิ่งเฉย มาร่วมกันจับตากรณีโกงอื่นๆ ต่อไป ปลายทางของการต่อสู้กับการคอร์รัปชันครั้งนี้ นอกเหนือจากการทำให้สังคมเห็นถึงความล้มเหลวของระบบการบริหารแล้ว เราจะต้องช่วยกันทำให้ขบวนการยุติธรรมของประเทศทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ คนที่โกงชาติ ต้องได้รับการลงโทษตามกฏหมาย” นายประมนต์ กล่าวในตอนท้าย